ลูกทรพีทุบตีแม่ถูกพ่อใช้มีดฟันหัวแบะเสียชีวิต

         เมื่อวันที่ 22 เดือนพฤศจิกายน   ปีพ.ศ  2563  ช่วงเวลาประมาณ 23:30 น เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจจังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งเหตุจากชาวบ้านว่ามีคนถูกฆ่าเสียชีวิต  ที่บ้านแห่งหนึ่งในตำบลบ้านยาง  และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงยังบ้านที่เกิดเหตุนั้นก็พบผู้เสียชีวิต  ชื่อว่านายเสรี  ถูกอาวุธมีดฟันเข้าที่บริเวณกลางหัวและตรงบริเวณต้นคอ   ซึ่งก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเดินทางไปถึงนั้นยังไม่เสียชีวิตแต่มาเสียชีวิตในตอนที่กำลังมีการนำตัวจะส่งโรงพยาบาลเนื่องจากว่าทนพิษความเจ็บไม่ไหว

         อย่างไรก็ตามผู้ที่ลงมือก่อเหตุใช้มีดฟันหัวนายเสรีในครั้งนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นพ่อของนายเสรีเองโดยผู้ก่อเหตุนั้นได้ยินร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ที่ตรงจุดเกิดเหตุ พร้อมกับหญิงชราคนหนึ่งซึ่งเป็นภรรยาและเป็นแม่ของนายเสรีผู้เสียชีวิตเอง  โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นแม่ของผู้เสียชีวิตให้การว่าในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นนายเสรีได้มีอาการเมาสุรามา  หลังจากนั้นนายเสรีก็เข้ามาขอเงินแม่ซึ่งก็คือนางบัวลอยนั่นเอง  แต่ว่าแม่ไม่มีเงินให้  ทำให้นายเสรีเกิดการไม่พอใจและได้ทำอะไรทุกทีร่างกายนางบัวลอย  ซึ่งพ่อของนายเสรีซึ่งอยู่ตรงบริเวณดังกล่าวเห็นเหตุการณ์พอดีจึงเกิดอาการทนไม่ได้และใช้อาวุธมีดฟันไปที่หัวและบริเวณลำคอของนายเสรีจนได้รับบาดเจ็บก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา

       อย่างไรก็ตามนางบัวลอยเล่าว่าในเสรีปกติแล้วมักจะทำร้ายร่างกายนางบัวลอยอยู่เป็นประจำหากมาขอเงินไปซื้อเหล้าแล้วนางบัวลอยไม่มีให้  นอกจากนี้ในช่วงหลังๆนายเสรีมักจะติดเหล้าและเมามายตลอดทั้งวันจึงทำให้นอกจากจะทุบตีนางบัวลอยแล้วยังทุบตีพ่อซึ่งเป็นผู้ที่ฆ่านายเสรีอีกด้วยอีกทั้งทุกครั้งที่ไม่ให้เงินก็มักจะขู่ฆ่าพ่อแม่อยู่บ่อยครั้งจนในที่สุดเหตุการณ์ความรุนแรงที่นายเสรีทำร้ายนางบัวลอยเกิดขึ้นในวันที่เกิดเหตุนี้ทำให้ผู้ก่อเหตุก็คือนายรอดไม่สามารถทนได้อีกต่อไปจึงได้ต่อสู้กับนายเสรี

       โดยนายรอดยืนยันว่าตอนที่ใช้อาวุธตีไปที่หัวของนายเสรีนั้นเขาคิดว่าสิ่งที่เขาหยิบนั้นคือไม้ไม่คิดว่ามันจะคือมีดเพราะไม่ตั้งใจที่จะฆ่าลูกใจของตนเองให้ตายเพียงแค่อยากจะใช้ไม้ตีสั่งสอนและต้องการหยุดนายเสรีไม่ให้ทำร้ายร่างกายภรรยาของตนเองเพียงเท่านั้นแต่ไม่คิดว่าสิ่งที่หยิบมานั้นจะกลายเป็นมีดและจะส่งผลทำให้ลูกชายของตนเองถึงแก่ความตาย

 

สนับสนุนโดย    แทงหวยออนไลน์ไม่มีขั้นต่ำ

ไม่มีมือถือสมาร์โฟน เข้าโครงการคนละครึ่งกับเราชนะไม่ได้  ทำเอาร้านก๋วยเตี๋ยวสองตายายเงียบเหงา

         เมื่อวันที่ 21  เดือนมกราคม ปี พ.ศ. 2564  ได้มีผู้ใช้ Facebook รายหนึ่งได้โพสต์ภาพร้านอาหารข้างทางซึ่งมีการตั้งร้านอยู่ตรงบริเวณถนนเส้นพระราม 2 ตรงบริเวณกาญจนาขาเข้า  ระบุข้อความว่าอยากจะให้คนที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวนั้นช่วยมาอุดหนุนร้านอาหารดังกล่าวซึ่งร้านนี้มีเจ้าของร้านเป็นคุณตากับคุณยายคู่หนึ่งเป็นสามีภรรยากัน  

      โดยในภาพจะเห็นได้ว่าคุณตากับคุณยายนั้นนั่งอยู่เฝ้าร้านโดยที่ภายในร้านนั้นไม่มีลูกค้าไหมแต่คนเดียวซึ่งผู้ที่โพสต์นั้นมีการระบุว่าในวันที่เธอเดินทางมาแถวบริเวณดังกล่าวเคยเห็นว่าร้านนี้ไม่มีลูกค้าเลยและมีเจ้าของร้านเป็นชายชรากับหญิงชรานั่งอยู่คู่กันเมื่อเข้าไปสอบถามจึงได้ความว่าตากับยายไม่สามารถขายก๋วยเตี๋ยวได้เลยเนื่องจากว่าลูกค้าส่วนใหญ่จะไปซื้อร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งและเข้าร่วมโครงการเราชนะ

    ซึ่งร้านของคุณตากับคุณยายนั้นไม่ได้เข้าร่วมโครงการทั้ง 2 โครงการเนื่องจากว่าคุณตาและคุณยายมีโทรศัพท์มือถือเป็นยี่ห้อและรุ่นธรรมดาที่ไม่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ไม่สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นได้และที่สำคัญคุณตากับคุณยายมีอายุมากแล้วเล่นพวก Social Media ไม่เป็นดังนั้นร้านของคุณตาคุณยายจึงไม่ได้ร่วมโครงการใดๆกับทางรัฐบาลทำให้ลูกค้าไม่มาซื้อสินค้าที่ร้านของคุณตาคุณยายนั่นเอง

       หลังจากที่ข้อความของเธอถูกโพสต์ออกไปและมีคนแชร์ ทำให้วันรุ่งขึ้นนั้นร้านของคุณตาคุณยายร้านนี้มีกระแสตอบรับที่ดีมากเพราะใช้ระยะเวลาเพียงไม่นานก๋วยเตี๋ยวที่ร้านก็ขายหมดทันทีซึ่งเธอได้พูดคุยกับทางตายายเจ้าของร้านความว่าลูกค้ามารอซื้อตั้งแต่ตากับยายยังไม่ได้ตั้งร้านกันเลยทีเดียวเพียงเพราะข้อความที่เธอได้มีการแชร์ออกไปขอความร่วมมือกับคนในโลกออนไลน์ให้มาช่วยอุดหนุน

        ทั้งนี้ตาหรือยายยังบอกอีกด้วยว่าปกติแล้วจะขายของได้ไม่ดีมากนักส่วนใหญ่จะขายได้บ้างเล็กน้อยและก็จะนั่งเฝ้าร้านแต่เมื่อวานนี้ที่มีคนมาซื้อเป็นจำนวนมากทำให้ตากับยายต้องยืนอยู่ตลอดเวลาจนปวดขาเลยทีเดียวแต่ตากับยายก็ยังบอกด้วยว่าถึงแม้ก็ปวดขาแต่ก็มีความสุขที่สามารถขายของหมดเพราะไม่เคยขายได้แบบนี้มาก่อนเลย 

        จะเห็นได้ว่าโครงการของรัฐบาลที่ออกมาช่วยเหลือชาวบ้านนั้นเป็นโครงการที่ดีแต่ก็ต้องคำนึงถึงชาวบ้านที่ยากจนจริงๆที่พวกเขาไม่มีมือถือสมาร์ทโฟนใช้ซึ่งจะไม่สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้ไม่ใช่เพียงเจ้าของร้านค้าเท่านั้นแต่ยังมีประชาชนที่จะเข้าร่วมโครงการนี้เพื่อนำเงินไปซื้อสินค้าก็จะไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้เพราะพวกเขาไม่มีโทรศัพท์มือถือนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย    แทงหวยออนไลน์ไม่มีขั้นต่ำ