พบชายผู้ต้องสงสัยออกมาจากป่า ในวันที่ทุกคนกำลังช่วยกันตามหาน้องชมพู่ 

       เชื่อว่าทุกคนคงยังจำพอดีของน้องชมพู่หนูน้อยวัย 3 ขวบที่อยู่จังหวัดมุกดาหารแล้วหายไปออกจากบ้านไปเป็นระยะเวลา 3 วันหลังจากที่พ่อแม่ปล่อยให้อยู่กับพี่สาวในช่วงกลางวันนั้นล่าสุดที่มีคนไปพบศพของน้องชมพู่นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณตีนเขาห่างจากหมู่บ้านประมาณ 5 กิโลเมตรนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้พากันตรวจสอบเพื่อหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ซึ่งมีเบาะแสหลายอย่างที่เชื่อว่าอาจจะมีคนเข้าไปลักพาตัวน้องชมพู่ที่บริเวณหน้าบ้านพักซึ่งไม่ใช่เป็นการที่น้องชมพู่เดินออกมาจากบ้านแล้วหลงป่าเองแน่นอนโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้ผู้หญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเธอให้ชื่อนามสมมุติว่านางสาวโบว์ด้วยเธอเป็นชาวบ้านอยู่บริเวณใกล้ๆกับหมู่บ้านที่เกิดเหตุเมื่อเธอทราบข่าวเกี่ยวกับน้องชมพู่ที่หายตัวออกจากบ้านเธอจึงได้ชักชวนคนที่บ้านพากันขับรถเดินทางมาที่หมู่บ้านของน้องชมพู่

เพื่อที่จะได้ช่วยพ่อแม่ของน้องชมพู่ตามหาน้องแต่ระหว่างทางที่เดินทางมานั้นช่วงประมาณ 14:00 นของวันที่ 23 เดือนพฤษภาคมพ.ศ 2563 นางสาวโบว์และเพื่อนรวมทั้งหมด 7 คนได้พบชายผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งซึ่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้ามอมแมมและมีลักษณะของเสื้อผ้านั้นเปื้อนดินโคลนเดินด้วยอาการหมดเรี่ยวแรงออกมาจากป่าเพิ่งมาทางจากตีนเขาเด็กไฟซึ่งเป็นเขาเดียวกันกับที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยไปพบศพของน้องชมพู่นั่นเอง

ซึ่งในตอนที่พวกเธอได้เห็นชายคนดังกล่าวนั้นเขามีอาการดูแล้วลุกลี้ลุกลนและพยายามเอาเสื้อปิดบังใบหน้าของตนเองเมื่อสอบถามว่าจะเดินทางไปที่ไหนจะได้ไปส่งชายคนนั้นก็บอกว่าจะไปส่งที่ไหนก็ได้ขอแค่อยากออกไปให้พ้นจากหมู่บ้านนี้เท่านั้นเองซึ่งนางสาวโบว์ได้บอกว่าจุดที่พบชายคนดังกล่าวนั้นเป็นจุดที่ห่างจากบ้านของน้องชมพู่แค่เพียง 2 กิโลเมตร

และเป็นจุดที่ห่างจากจุดที่พบศพของน้องชมพู่ประมาณ 6 กม. ดังนั้นเธอจึงค่อนข้างที่จะสงสัยว่าชายคนนี้อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของน้องชมพู่จึงได้พยายามถ่ายรูปไว้แต่ชายคนดังกล่าวพยายามหาอะไรปิดบังใบหน้าและหันหน้าหนีไม่ยอมให้ถ่ายรูปเธอและเพื่อนๆจึงได้ขับรถผ่านชายคนดังกล่าวไปส่งที่ป้อมตำรวจโดยระหว่างที่เขามาที่ป้อมตำรวจนั้นก็ยังได้ยินชายคนนั้นพูดว่าเขาไม่ผิดเขาไม่กลัวอะไรเขามาที่ป้อมตำรวจได้และระหว่างที่พูดคุยกันนั้นเขายังได้พูดถึงก็ดีของน้องชมพู่อีกด้วยว่าตัวเขาเอง

ก็มีลูกแล้วเขารู้สึกสงสารน้องชมพู่เป็นอย่างมาก ชายคนดังกล่าวยังเล่าให้กับคุณโบว์ฟังอีกว่าเขาเป็นคนที่จังหวัดสกลนครเดินทางมาหาเพื่อนที่นี่แล้วก็พบว่าเพื่อนมีการเอารถของเขาไปเขาจึงต้องเดินเท้ากลับและเขาก็พบปัญหาเรื่องของภรรยาทิ้งและเมื่อถึงที่ป้อมตำรวจเขาก็ขอยืมโทรศัพท์มือถือโทรไปหาแม่ให้แม่มารับกลับซึ่งหลังจากที่มีการโทรไปตามแม่ผ่านไปไม่นานก็มีผู้หญิงคนนึงแล้วก็ผู้ชายอีกคนหนึ่งขับรถมารับเขาออกไปในระหว่างที่เขาเดินออกจากป้อมตำรวจนั้นเขาก็ยังพูดทำนองว่าเขาไม่ผิด

และเขาไม่กลัวกับการเข้ามาในด่านซึ่งเมื่อมีการนำเอาลูกชายของชายคนดังกล่าวให้กับคนในหมู่บ้านของน้องชมพู่ดูต่างก็ยืนยันว่าไม่มีใครเคยเห็นชายคนนี้มาก่อนดังนั้นนางสาวจึงได้นำภาพและข้อมูลต่างๆจะแจ้งให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเพื่อที่จะได้ติดตามตัวชายคนดังกล่าวมาทำการสืบสวนสอบสวนอีกครั้งหนึ่งว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของน้องชมพู่หรือไม่

 

สนับสนุนโดย  ซื้อหวยออนไลน์ เว็บไหนดี