Category ข่าวที่น่าสนใจ

จัดโครงการเที่ยวทั่วไทยเพื่อช่วยเหลือมัคคุเทศก์ที่ตกงาน

            หากพูดถึงสถานการณ์ตอนนี้ของประเทศไทยกรมแรงงานที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในตอนนี้และยังไม่มีทีท่าว่าจะสามารถกลับมาฟื้นตัวได้เร็วในช่วงนี้ก็คือกลุ่มแรงงานมัคคุเทศก์กลุ่มแรงงานการท่องเที่ยวหรือพวกไกด์ต่างๆซึ่งปกติแล้วไกด์ในประเทศไทยก็จะเป็นการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยโดยจะเป็นการแนะนำให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวในประเทศไทย

เพราะโดยปกติแล้วคนไทยด้วยกันไปเที่ยวเองก็ไม่จำเป็นต้องมีไกด์เพราะสามารถพูดสื่อสารกับคนพื้นเมืองได้ในภาษาไทยและสามารถศึกษาข้อมูลการท่องเที่ยวได้เองเพราะในโลกอินเตอร์เน็ตนั้นสามารถบอกได้ว่าเราไปทานร้านอาหารไหนอร่อยที่เที่ยวไหนน่าเที่ยวและมีแหล่งท่องเที่ยวไหนที่น่าสนใจที่จังหวัดอะไรบ้างแต่ถ้าเป็นต่างประเทศนั้นนักท่องเที่ยวจะไม่ค่อยรู้ข้อมูลเหล่านี้มากนักจึงจำเป็นต้องอาศัยมัคคุเทศก์หรือไกด์ในประเทศไทยเป็นคนให้ข้อมูลในการแนะนำการท่องเที่ยวนั้นเอง

แต่หลังจากที่เริ่มมีการระบาดของไวรัส covid ประเทศไทยปิดประเทศไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยทำให้กลุ่มที่ตกงานกลุ่มแรกเลยก็คือกลุ่มไกด์และกลุ่มมัคคุเทศก์และบริษัททัวร์ที่เปิดการท่องเที่ยวภายในประเทศไทยรวมถึงการท่องเที่ยวระหว่างประเทศด้วยซึ่งปัจจุบันนี้สถานการณ์ของการระบาดของไวรัสดีขึ้นบริษัทร้านค้าต่างๆสามารถเปิดการได้ตามปกติแต่มีบริษัทที่เป็นบริษัทการท่องเที่ยวบริษัททัวร์กลุ่มกายและมัคคุเทศก์เท่านั้นที่ยังคงตกงานและไม่มีงานทำเพราะการท่องเที่ยวระหว่างประเทศยังไม่สามารถเปิดได้

เพราะฉะนั้นบริษัททัวร์ต่างๆจึงยังไม่สามารถเปิดทำงานได้เพราะถึงแม้ว่าเปิดไปก็ไม่มีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการนั่นเองดังนั้นตอนนี้ทางด้านการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจึงเล็งเห็นความสำคัญของไกด์ และมัคคุเทศก์ที่ยังคงต้องตกงาน จึงได้จัดโครงการขึ้นมาเพื่อให้เรามัคคุเทศก์และไกด์ต่างก็พากันลงสมัครและนำคลิปการท่องเที่ยวภายในประเทศไทยเพื่อเป็นการแข่งขันกันซึ่งจะได้รับเงินรางวัลคลิปละ 800 บาทโดยจะให้เงินรางวัลสำหรับ 6,000 บาทแรกซึ่งคนที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ได้จะต้องมีอาชีพเป็นไกด์หรือเป็นมัคคุเทศก์

และต้องมีหนังสือยืนยันการเป็นไกด์จริงๆหรือโครงการนี้สามารถเริ่มส่งคลิปวีดีโอแนะนำการท่องเที่ยวแบบสั้นประมาณ 2 นาทีได้ตั้งแต่วันที่ 3 เดือนสิงหาคมจนถึงจะมีการปิดรับสมัครในวันที่ 16 กันยายนปีพศ2563 แล้วก็จะมีการประกาศรายชื่อคนที่ได้รับเงินรางวัลซึ่งจะมีการประกาศผ่านทางเว็บไซต์ tatguide sharing.com ใครสนใจก็สามารถที่จะไปร่วมโครงการนี้ได้แต่คุณจะต้องมีใบอนุญาตประกอบอาชีพมาแสดงโดยใบอนุญาตนั้นจะต้องถูกต้องตามกฎหมายด้วย  

     นับได้ว่าเป็นกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือไกด์ แต่หากจะลองคิดดูดีๆ การถ่ายคลิปได้ก็ต้องเดินทางไปสถานที่นั้นๆ ซึ่งการเดินทางก็ต้องใช้เงิน ก็ไม่รู้ว่าไกด์จะได้รายได้จากโครงการนี้จริงหรือไม่ เพราะค่าคลิปที่ถ่ายน้อยนิดเดียวเอง 

 

สนับสนุนโดย    สูตรหวยหุ้นตรงๆ

ลูกจ้างต้องรู้ ค่าตอบแทนของการทำ OT จ่ายเป็ฯเงินได้อย่างเดียวเท่านั้น

              ในช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่มีข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องของค่าจ้างในการทำงานค่อนข้างเยอะมาก  โดยล่าสุดนั้นมีเรื่องของการพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องของการทำโอทีของบรรดาลูกจ้างทั้งหลายว่าแท้ที่จริงแล้วการทำ OT นั้นลูกจ้างจะได้รับเป็นเงินหรือลูกจ้างสามารถที่จะเปลี่ยนเป็นวันหยุดทดแทนและไม่รับเป็นเงินได้หรือไม่ซึ่งหลายฝ่ายก็มีการออกมาพูดถึงและต่างถกเถียงกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในสังคมออนไลน์

         ดังนั้นทางด้านอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเมื่อได้ทราบถึงปัญหาที่กำลังถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้จึงได้ออกมายืนยันเกี่ยวกับเรื่องของค่าตอบแทนของการทำโอทีของลูกจ้างว่าหากนายจ้างสั่งให้ลูกจ้างมีการทำโอทีไม่ว่าจะเป็นการทำ OT ในช่วงเวลาเย็นหลังเลิกงานหรือเป็นการทำโอทีในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ก็ตามแต่สิ่งที่ลูกจ้างจะได้รับนั้นนายจ้างจะต้องจ่ายเป็นเงินเพียงเท่านั้นและนายจ้างไม่มีสิทธิ์ที่จะจ่ายค่าโอทีคืนลูกจ้างด้วยการให้ไปหยุดวันอื่นแทนได้อย่างเด็ดขาดเนื่องจากว่ามีกฎหมายคุ้มครองเอาไว้

         สำหรับคนบัญญัติเกี่ยวกับการคุ้มครองแรงงานเรื่องของการทำโอทีนี้มีการระบุไว้มาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2541    ซึ่งนอกจากจะได้เงินค่าโอทีเป็นเงินแล้วยังได้รับเงินในอัตราที่มากกว่าปกติอีกด้วยโดยถ้าหากมีการทำโอทีนายจ้างจะต้องมีการจ่ายเงินค่าโอทีให้กับลูกจ้างต้องมากกว่า 1.5 เท่า  ของค่าจ้างต่อรายชั่วโมงซึ่งถ้าหากใครที่รับเป็นเงินเดือนก็จะต้องเอาเงินเดือนทั้งหมดมาหาจำนวนวันและมาหารจำนวนชั่วโมงในแต่ละวันแล้วถึงจะคิดจำนวนชั่วโมง OT ออกมาอีกต่างหากซึ่งแน่นอนว่านายจ้างจะต้องจ่ายเป็นเงินเท่านั้นและไม่สามารถที่จะพูดคุยกับรูปร่างให้จ่ายเป็นวันหยุดทดแทนได้

             อย่างไรก็ตามกฎหมายอาญามีการระบุอีกด้วยว่าถ้าลูกจ้างมาทำงานโอทีในวันหยุดนักขัตฤกษ์สามารถที่จะได้รับเงินทดแทนได้ถึง 3 เท่าเลยทีเดียวสำหรับการทำงานในวันหยุดนักขัตฤกษ์ดังนั้นถ้าหากลูกจ้างคนไหนที่ถูกนายจ้างสั่งให้ทำงานไม่ว่าจะเป็นช่วงในวันหยุดนักขัตฤกษ์หรือแม้แต่การทำงานโอทีหลังเลิกงานแล้วแต่ลูกจ้างทุกคนที่ทำงานจะต้องได้รับงานค่าจ้างทั้งหมด

        ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับพนักงานบริษัทที่มีความรู้จะมีการทราบข้อมูลต่างๆเหล่านี้อยู่แล้วแต่ถ้าเกิดว่าเป็นลูกจ้างที่หาเช้ากินค่ำหรือเป็นพนักงานตามโรงงานต่างๆมักจะไม่ทราบเงื่อนไขการขอเงินโอทีนี้ดังนั้นเราจึงจำเป็นที่จะต้องศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องของผลตอบแทนที่นายจ้างต้องมีการจ่ายให้กับลูกจ้างเพื่อไม่ให้ตัวเราเองนั้นเสียผลประโยชน์และถ้าหากใครสงสัยเกี่ยวกับเรื่องการทำงานและผลตอบแทนต่างๆลูกจ้างสามารถสอบถามได้ที่กรมสวัสดิการคุ้มครองแรงงานได้ 

 

สนับสนุนโดย    สมัครเว็บหวยฮานอย

ชายชั่วช่มขืนแม่ชี อ้างอารมณ์ชั่ววูบ 

            ที่หมู่บ้านหนองโนจังหวัดชุมแพเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุจากชาวบ้านให้ช่วยไปจับตัวชายวัย 24 ปีที่ชื่อว่านายโอ๋เนื่องจากว่านายโอ๋นั้นก่อคดีเข้าไปข่มขืนแม่ชีที่สถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่งที่ตำบลบ้านเม็งนั่นเอง  เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงก็เข้าจับกุมนายโอ๋ทันทีโดยมีการใส่กุญแจมือและนำนายโอ๋มาที่สถานีตำรวจ

             ในระหว่างนั้นเองในโอ๋ได้มีการหลบหนีออกจากสถานีตำรวจทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำต้องออกตามล่าตัวในโอ๋ และใช้ระยะเวลาเพียงไม่นานเท่านั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถควบคุมตัวนายโอ๋ได้ในที่สุดโดยตั้งข้อหาข่มขืนแม่ชีรวมถึงคดีเสพยาเสพติดจากการติดตามตัวนายโอ๋ในครั้งที่ 2 นี้จึงได้มีการสอบสวนนายโอทันที

            โดยนายโอให้การว่าตนเองนั้น กินเหล้าเมาเขาไปแล้วเกิดอารมณ์ชั่ววูบจึงได้ทำผิดด้วยการข่มขืนแม่ชีวัย 79 ปีซึ่งกำลังพิการอยู่โดยนายโอ๋ได้กราบขอโทษพร้อมกับบอกว่าจะไม่ก่อเหตุเช่นนี้อีกพร้อมทั้งจะกลับตัวกลับใจเป็นคนดีแต่ในขณะเดียวกันนั้นทางด้านแม่ชีที่ถูกข่มขืนนั้นได้ให้การกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าแม่ชีเคยเห็นในโอ๋มาแล้วหลายครั้ง

           เนื่องจากว่าในโอ๋นั้นเคยเดินทางมาในสถานปฏิบัติธรรมเพราะต้องการมาหาเพื่อนซึ่งเป็นลูกชายของพระท่านหนึ่งที่อาศัยอยู่ในสถานปฏิบัติธรรมด้วยกันและตอนที่นายโอ๋ข่มขืนแม่ชีนั้นไฟก็เปิดสว่างซึ่งแม่ชีได้มีการร้องขอในโอ๋แต่นายโอ๋ขมขู่ไม่ให้ร้องอ้างจะฆ่าแม่ชีอาหารหาดมีการร้องเรียกคนมาช่วย และแม่ชียืนยันว่านายโอ๋เป็นคนลงมือข่มขืนจริงเนื่องจากแม่ชีจำหน้าได้อย่างชัดเจน โดยแม่ชียังรู้อีกว่าไงโอ๋นั้นทำงานเป็นลูกจ้างของชาวสวนแห่งหนึ่งที่อยู่บริเวณเชิงเขาภูเม็งนั่นเอง

         ส่วนทางด้านในโอ๋เล่าเหตุการณ์ในช่วงที่มีการหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจในครั้งที่ 2 ว่าหลังจากที่นี่ไปได้แล้วเขาก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์เพื่อไปหาเพื่อนเนื่องจากการขอยืมเงินเพื่อนใช้ในการเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดนครปฐมแต่เนื่องจากเพื่อนไม่มีเงินให้ยืม  จึงไม่สามารถเดินทางไปได้โดยเพื่อนทั้งสามคนของเขาที่เป็นกลุ่มแก๊งเสพยาเสพติดด้วยกันได้ช่วยเอากุญแจมือออกให้หลังจากนั้นเขาก็เดินเลาะตามป่าจนมีคนมาเห็นและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจนั่นเอง 

      เหตุการณ์ในครั้งนี้เชื่อว่าคนร้ายตั้งใจก่อเหตุข่มขืนแม่ชี อย่างแน่นอน เพราะว่ามีการเสพยาเสพติด และยังเมาเหล้าอีกด้วย ซึ่งคดีแบบนี้ควรลงโทษให้หนักจะได้เข็ดหลาบ

 

สนับสนุนโดย.  หวยจับยี่กี

ลุงเขย อาสาพาสาววัย 17 ปีไปรับแม่ที่โรงพยาบาลแต่กลับ พาเข้ารีสอร์ทแล้วข่มขืน 

         เมื่อวันที่ 28 เดือนกุมภาพันธ์ ปีพศ 2564 มีหญิงสาววัย 17 ปีคนหนึ่งได้มีการเข้าไปร้องเรียนกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ  ให้ทำการจับกุมลุงเขยของตนเองมาดำเนินคดีเนื่องจากว่าเธอนั้นถูกลุงเขยของเธอนั้นพาเข้ารีสอร์ทเพื่อไปทำการข่มขืนกระทำชำเรา โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดขอนแก่น

      สำหรับหญิงสาววัย 17 ปีนั้นมีชื่อนามสมมุติว่าน้องหวาน โดยเธอเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 เดือนธันวาคม ปี พ .ศ2563  ว่าประมาณปลายปีที่แล้วแม่ของเธอนั้นไม่สบายต้องเป็นต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการป่วย  โดยแม่ของเธอนั้นรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลขอนแก่นซึ่งมีคุณพ่อคอยเฝ้าดูแล 

    ลุงดอกนั้  และหลังจากที่มีการผ่าตัดรักษาอาการป่วยจนอาการดีขึ้นและสามารถกลับบ้านได้แล้วแม่ของเธอก็โทรมาหาเธอเมื่อวันที่ 10 เดือนธันวาคมปีพศ2563 ว่าให้เธอนั้นหารถไปรับพ่อกับแม่กลับบ้านซึ่งเธอนั้นมีลงเคยอยู่ 1 คนชื่อว่าลุงดอกอายุ 62 ปีและนมีรถส่วนตัวซึ่งลุงดอกนั้นเป็นสามีของป้าแท้ๆของเธอเอง  และเธอกับลุงดอกกับ ป้าของเธอนั้นก็สนิทสนมกันเป็นอย่างดีเพราะอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน 

          อย่างไรก็ตามในวันดังกล่าวนั้นเมื่อเธอได้ชวนลุงดอกให้ไปรับพ่อกับแม่ของเธอที่โรงพยาบาล  คุณลุงก็ทำหน้าที่ขับรถพาเธอไปที่โรงพยาบาลทันทีโดยออกจากบ้านกันตั้งแต่ช่วงเวลา 9:00 น    แต่ระหว่างที่ขับรถออกมาจากบ้านได้เพียงแค่ประมาณ 10 กิโลเท่านั้นลุงของเธอก็วางแผนบอกเธอว่าเขานั้นง่วงนอนมากและเมื่อคืนยังไม่ได้นอนหลับเลยเกรงว่าขับรถออกไปแล้วจะเกิดอันตรายขอแวะพักเพื่อหลับนอนสักงีบหลังจากนั้นลงของเธอก็ขับรถแวะเข้าไปในรีสอร์ทแห่งหนึ่ง

        โดยช่วงเวลานั้นเธอได้มีการพยายามห้ามปรามลงเพราะอยากจะรีบกลับไปรับพ่อกับแม่ของเธอออกจากโรงพยาบาลแต่ลุงของเธอยืนยันว่าขอนอนหลับแค่นิดเดียวเท่านั้นและไม่ฟังคำคัดค้านของเธอเลยหลังจากนั้นก็เข้าไปทักในรีสอร์ทดังกล่าวซึ่งเมื่อเข้าไปในรีสอร์ทลุงของเธอก็จับเธอเข้าไปในห้องทันทีหลังจากนั้นก็จับเธอถอดเสื้อผ้าออกและลงมือข่มขืนโดยขนาดนั้นเธอได้พยายามต่อสู้ดิ้นรนขัดขืนแต่เธอไม่สามารถสู้แรงของลุงของเธอได้จึงโดนข่มขืนในที่สุด

           หลังจากข่มขืนเสร็จเรียบร้อยแล้วรวมของเธอก็พาเธอไปที่โรงพยาบาลเพื่อไปรับพ่อกับแม่ของเธอออกมาจากโรงพยาบาลซึ่งหลังจากกลับมาถึงบ้านเธอได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับคนในครอบครัวของเธอฟังหลังจากนั้นพ่อของเธอก็พาเธอไปแจ้งความแต่ผ่านมาหลายเดือนแล้วยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใดเธอจึงมาร้องขอผ่านสื่อมวลชนให้ช่วยติดตามข่าวนี้โดยหวังว่าตำรวจจะสามารถปิดคดีนี้ได้อย่างเร็วนั่นเอง 

 

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย.    หวยออนไลน์

ปลาหมึกทอดกระเทียม  1 กล่องมีนิดเดียวต้องจ่าย 150 บาท

          เมื่อวันที่ 19 เดือนมกราคม  ปีพศ 2564    ได้มีผู้ใช้ Facebook รายหนึ่งโพสต์ข้อความเกี่ยวกับเรื่องของราคาอาหารที่เขามองว่าราคาสูงเกินความเป็นจริง  ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งโดยอาหารที่เขามีการนำมาโพสต์นั้นก็คือปลาหมึกทอดกระเทียมพริกไทย  ซึ่งใน Facebook ที่มีการโพสต์นั้นได้มีการถ่ายรูปปริมาณปลาหมึกทอดกระเทียมพริกไทยลงมาให้ดูด้วย  โดยผู้ที่โพสต์นั้นระบุว่าปลาหมึกที่เห็นในกล่องนั้นเธอซื้อมาในราคา 150 บาท  ซึ่งเธอมองว่าราคานี้ค่อนข้างแพงมากเกินไปและเธอคิดว่าจะซื้ออาหารที่ร้านนี้เป็นครั้งสุดท้ายและจะไม่คิดกลับไปซื้ออาหารร้านนี้อีก โดยเธอได้มีการส่งพิกัดร้านอาหารที่มีการขายสินค้าแพงลงไปใน Facebook ของเธอด้วย

           อย่างไรก็ตามหลังจากที่ Facebook ของหญิงสาวได้มีการถูกแชร์ออกไปในโลกโซเชียลมีเดียเป็นจำนวนมากทำให้ทางด้านเจ้าของร้านซึ่งได้เห็นข้อความที่ถูกแชร์ไปนี้ต้องออกมาชี้แจงเกี่ยวกับราคาสินค้าที่มีลูกค้าออกมาบ่นเกี่ยวกับเรื่องของราคาที่สูงเกินความเป็นจริงว่าเขาเปิดร้านขายอาหารมานานเกินกว่า 5 ปีแล้วและราคาขายที่เขาได้มีการขายนั้นก็ขายในราคานี้มาโดยตลอดส่วนราคาปลาหมึกทอดกระเทียมพริกไทยที่มีการขายในราคา 150 บาท นั้นก็เป็นราคาที่สมเหตุสมผลแล้ว 

          ทางเดินเจ้าของร้านยืนยันว่าราคานี้ไม่แพงเพราะใช้ปลาหมึกที่มีคุณภาพและปลาหมึกตัวใหญ่เป็นปลาหมึกสด  และที่สำคัญอย่างที่เรารู้กันดีว่าปลาหมึกนั้นเมื่อตอนชั่งน้ำหนักจะมีน้ำหนักที่หนักมากแต่เมื่อนำไปทอดหรือนำไปประกอบอาหารแล้วตัวปลาหมึกจะหดลงเหลือปริมาณที่น้อยลงซึ่งทางด้านเจ้าของร้านเองนั้นได้มีการชั่งน้ำหนักของปลาหมึกก่อนที่จะนำมาประกอบอาหารโดยราคา 150 บาทที่เรียกเก็บลูกค้านี้ใช้ปลาหมึกน้ำหนักเกือบ 3 ขีดด้วยกัน  ดังนั้นเจ้าของร้านยืนยันว่าราคานี้ไม่แพงอย่างแน่นอนและราคานี้ก็ขายให้กับลูกค้ามานานหลายปีไม่เคยมีลูกค้าคนไหนบ่นมาก่อนเลย

          ที่สำคัญทางด้านเจ้าของร้านยืนยันว่าถึงแม้ว่าจะมีข่าวเกี่ยวกับเรื่องของอาหารแพงออกไปในโลกออนไลน์แต่ทางร้านยืนยันว่าในอนาคตต่อไปก็ยังจะขายในราคานี้เท่าเดิมและจะไม่มีการลดหรือเพิ่มปริมาณของปลาหมึกให้มากขึ้นกว่านี้อย่างแน่นอน  

             สำหรับปัญหาในปัจจุบันที่ร้านอาหารมักขายสินค้าแพงนั้นเนื่องจากว่าในขณะนี้วัตถุดิบที่นำมาใช้ในการประกอบอาหารนั้นค่อนข้างมีราคาสูงไม่ว่าจะเป็นอาหารทะเลหรือแม้แต่พวกผักหรือผลไม้ก็ตาม  ดังนั้นเมื่อพ่อค้ามีการซื้อของมาแพงเวลาที่นำปรับปรุงอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วขายออกในรูปแบบของอาหารสำเร็จรูปจึงค่อนข้างมีราคาสูงเช่นเดียวกัน  

 

สนับสนุนโดย.  เว็บแทงหวยถอนขั้นต่ำ100

ตำรวจออกมาชี้แจง หวย 12 ล้านควรเป็นของใครหากซื้อแล้วแต่ยังไมไ่ด้จ่ายเงิน

          กำลังเป็นที่กังขากันมากอยู่ในตอนนี้เกี่ยวกับเรื่องของลอตเตอรี่ที่มีคนถูกรางวัลถึง 12 ล้านด้วยกันแต่กลับมีปัญหาว่ารถเตอรี่ดังกล่าวนั้นหายไปและผู้ที่ออกมาร้องเรียนคือคนที่ซื้อลอตเตอรี่กับแม่ค้า

         เพียงแต่ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นก็คือลอตเตอรี่ฉบับดังกล่าวนั้นแม่ค้าได้มีการขายต่อให้กับคนอื่นแล้วนอกจากว่าแม่ค้าไม่สามารถติดต่อกับผู้ซื้อได้และที่สำคัญผู้ซื้อเป็นเพียงแค่การจองเอาไว้เท่านั้นยังไม่ได้มีการจ่ายเงินแต่อย่างใด

       อย่างไรก็ตามเรื่องราวนี้ทางด้านตัวคนซื้อลอตเตอรี่เองก็ยืนยันว่าลอตเตอรี่ฉบับดังกล่าวมีการจองแล้วและเคยมีการซื้อขายกันแบบนี้มาก่อนซึ่งสามารถจองก่อนได้แล้วจ่ายเงินทีหลังทำให้ในขณะนี้ยังคงเป็นปัญหาที่ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจยังต้องหาบทสรุปให้ระหว่างแม่ค้ากับคนซื้อลอตเตอรี่ว่าท้ายที่สุดแล้วเงิน 12 ล้านนี้ควรจะเป็นใคร

           ซึ่งในขณะนี้ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ได้มีการอายัดลอตเตอรี่ฉบับดังกล่าวแล้วซึ่งถ้าเกิดว่าคนที่ซื้อลอตเตอรี่ต่อไปจากแม่ค้าจะนำ ลอตเตอรี่ที่มีการเซ็นชื่อกำกับด้านหลังไว้ไปขึ้นเงินก็จะไม่สามารถขึ้นเงินได้นั่นเอง 

        อย่างไรก็ตามสำหรับเรื่องราวนี้คนในโลกออนไลน์หรือคนในสังคมไทยต่างก็พยายามติดตามข่าวสารนี้โดยทุกคนนั้นต่างต้องการทราบถึงผลการตัดสินของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ากรณีที่มีการซื้อขายกันเกิดขึ้นเพียงแค่ป่าวแต่ยังไม่ได้มีการจ่ายเงินนั้นสุดท้ายแล้วลอตเตอรี่ฉบับนั้นจะเป็นของใครกันแน่

           ซึ่งในวันที่ 12 เดือนมีนาคมปีพศ 2564 นี้ท่านเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ออกมาชี้แจงกับเรื่องนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าทางด้านเจ้าหน้าที่มองว่าสำหรับการซื้อขายกันนั้นหากมีการพูดคุยกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงแม้ว่าทางด้านผู้ซื้อจะยังไม่ได้มีการจ่ายเงินแต่ก็ถือได้ว่าเป็นการตกลงกันเรียบร้อยรับทราบเงื่อนไขกันแล้วดังนั้นจึงถือว่าการซื้อขายในครั้งนี้เป็นการซื้อขายแบบเสร็จสิ้นสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว

              ดังนั้นหากแม่ค้าจะออกมาบอกว่าเอาสินค้าไปขายต่อเพราะว่าลูกค้าจ่ายเงินล่าช้านั้นก็ไม่สามารถเอามาอ้างได้ที่สำคัญของแม่ค้ากับลูกค้ารายนี้นั้นเคยซื้อขายล็อตเตอรี่กันอยู่บ่อยครั้งและทุกครั้งก็เป็นการจ่ายเงินล่าช้ามาโดยตลอดดังนั้นครั้งนี้ก็สามารถที่จะ จ่ายเงินล่าช้าได้เช่นเดียวกันซึ่งลอตเตอรี่ก็ยังคงเป็นของผู้ซื้ออยู่นั่นเอง 

              อย่างไรก็ตามกรณีนี้ถ้าเกิดว่าทางด้านแม่ค้าไม่สามารถหาลอตเตอรี่มาคืนลูกค้าได้ก็สามารถที่จะดำเนินคดีกันได้โดยสามารถที่จะดำเนินคดีทั้งทางแพ่งได้เลยหรือถ้าหากว่าจะทำการยอมความก็ได้เช่นเดียวกันส่วนการเรียกร้องก็ต้องฟ้องศาลดำเนินคดีทางแพ่งนั้นเอง

 

สนับสนุนโดย.    ถูกหวยลาว2ตัวได้กี่บาท

ลูกทรพีทุบตีแม่ถูกพ่อใช้มีดฟันหัวแบะเสียชีวิต

         เมื่อวันที่ 22 เดือนพฤศจิกายน   ปีพ.ศ  2563  ช่วงเวลาประมาณ 23:30 น เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจจังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งเหตุจากชาวบ้านว่ามีคนถูกฆ่าเสียชีวิต  ที่บ้านแห่งหนึ่งในตำบลบ้านยาง  และเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงยังบ้านที่เกิดเหตุนั้นก็พบผู้เสียชีวิต  ชื่อว่านายเสรี  ถูกอาวุธมีดฟันเข้าที่บริเวณกลางหัวและตรงบริเวณต้นคอ   ซึ่งก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเดินทางไปถึงนั้นยังไม่เสียชีวิตแต่มาเสียชีวิตในตอนที่กำลังมีการนำตัวจะส่งโรงพยาบาลเนื่องจากว่าทนพิษความเจ็บไม่ไหว

         อย่างไรก็ตามผู้ที่ลงมือก่อเหตุใช้มีดฟันหัวนายเสรีในครั้งนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นพ่อของนายเสรีเองโดยผู้ก่อเหตุนั้นได้ยินร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ที่ตรงจุดเกิดเหตุ พร้อมกับหญิงชราคนหนึ่งซึ่งเป็นภรรยาและเป็นแม่ของนายเสรีผู้เสียชีวิตเอง  โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นแม่ของผู้เสียชีวิตให้การว่าในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นนายเสรีได้มีอาการเมาสุรามา  หลังจากนั้นนายเสรีก็เข้ามาขอเงินแม่ซึ่งก็คือนางบัวลอยนั่นเอง  แต่ว่าแม่ไม่มีเงินให้  ทำให้นายเสรีเกิดการไม่พอใจและได้ทำอะไรทุกทีร่างกายนางบัวลอย  ซึ่งพ่อของนายเสรีซึ่งอยู่ตรงบริเวณดังกล่าวเห็นเหตุการณ์พอดีจึงเกิดอาการทนไม่ได้และใช้อาวุธมีดฟันไปที่หัวและบริเวณลำคอของนายเสรีจนได้รับบาดเจ็บก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา

       อย่างไรก็ตามนางบัวลอยเล่าว่าในเสรีปกติแล้วมักจะทำร้ายร่างกายนางบัวลอยอยู่เป็นประจำหากมาขอเงินไปซื้อเหล้าแล้วนางบัวลอยไม่มีให้  นอกจากนี้ในช่วงหลังๆนายเสรีมักจะติดเหล้าและเมามายตลอดทั้งวันจึงทำให้นอกจากจะทุบตีนางบัวลอยแล้วยังทุบตีพ่อซึ่งเป็นผู้ที่ฆ่านายเสรีอีกด้วยอีกทั้งทุกครั้งที่ไม่ให้เงินก็มักจะขู่ฆ่าพ่อแม่อยู่บ่อยครั้งจนในที่สุดเหตุการณ์ความรุนแรงที่นายเสรีทำร้ายนางบัวลอยเกิดขึ้นในวันที่เกิดเหตุนี้ทำให้ผู้ก่อเหตุก็คือนายรอดไม่สามารถทนได้อีกต่อไปจึงได้ต่อสู้กับนายเสรี

       โดยนายรอดยืนยันว่าตอนที่ใช้อาวุธตีไปที่หัวของนายเสรีนั้นเขาคิดว่าสิ่งที่เขาหยิบนั้นคือไม้ไม่คิดว่ามันจะคือมีดเพราะไม่ตั้งใจที่จะฆ่าลูกใจของตนเองให้ตายเพียงแค่อยากจะใช้ไม้ตีสั่งสอนและต้องการหยุดนายเสรีไม่ให้ทำร้ายร่างกายภรรยาของตนเองเพียงเท่านั้นแต่ไม่คิดว่าสิ่งที่หยิบมานั้นจะกลายเป็นมีดและจะส่งผลทำให้ลูกชายของตนเองถึงแก่ความตาย

 

สนับสนุนโดย    แทงหวยออนไลน์ไม่มีขั้นต่ำ

จุดไฟแช็คในรถกระบะทำไฟไหม้รถเสียหายทั้งคัน

เมื่อวันที่ 18 เดือนสิงหาคมปีพ. ศ. 2563   ที่จังหวัดชลบุรีเกิดเหตุเพลิงไหม้รถกระบะฟอร์จูนเนอร์  ซึ่งจอดอยู่ตรงริมถนนชาวบ้านต้องช่วยกันประสานงานแจ้งกู้ภัยให้มาช่วยกันดับเพลิงไหม้ซึ่งมีการใช้ทั้งน้ำดับและมีการใช้ถังดับเพลิงฉีดพ่นแต่เนื่องจากว่าไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็วทำให้รถกระบะได้รับความเสียหายทั้งคันซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นมีคนได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ไฟไหม้รถกระบะจำนวนทั้งหมด 2 คนด้วยกัน

เป็นผู้ชาย 1 คนและผู้หญิง 1 คนซึ่งทางด้านเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็ได้มีการนำคนเจ็บทั้งสองคนนั้นส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการเนื่องจากว่าทั้งคู่นั้นถูกไฟคลอกได้รับบาดเจ็บอย่างไรก็ตามเมื่อมีการสอบถามผู้บาดเจ็บทั้งสองคนหลังจากที่มีการทำแผลเป็นที่เรียบร้อยแล้วทราบว่าคนทั้งคู่นั้นเป็นสามีภรรยากันขณะเกิดเหตุได้ขับรถมาตรงบริเวณดังกล่าวหลังจากนั้นจึงได้จอดรถข้างทางและต้องการที่จะสูบบุหรี่จึงได้มีการนำไฟชาร์จออกมาจุดหวังจะสูบบุหรี่ภายในรถแต่หลังจากที่มีการจุดไฟแชทไฟก็เกิดลุกไม่ขึ้นมาทันทีโดยไฟลุกไหม้ไปที่ตัวคนก่อน        

หลังจากนั้นก็ลามไปไหม้รถทั้งคันซึ่งระหว่างนั้นผู้บาดเจ็บทั้งสองคนต่างก็พยายามหนีออกจากรถเพื่อเอาชีวิตรอดหลังจากออกมาจากรถได้ก็พยายามตะโกนร้องให้ชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้นช่วยซึ่งหลังจากที่ชาวบ้านได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือก็พากันออกมาดูและช่วยกันดับไฟพร้อมกับประสานงานเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยดับเพลิงและช่วยติดต่อกู้ภัยเพื่อนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล

            ล่าสุดทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วยังไม่รู้สาเหตุว่าเหตุเพลิงไหม้นี้เกิดมาจากอะไรต้องมีการส่งตรวจสอบรถที่เสียหายอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งถึงจะสามารถระบุได้ว่าเพลิงได้นั้นเกิดมาจากอะไรกันแน่ส่วนผู้บาดเจ็บทั้งสองคนที่ถูกไฟครอกนั้นตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลและทั้งคู่ปลอดภัยแล้วแต่อย่างไรก็ตามทางคุณหมอยังต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเนื่องจากว่าเป็นแผลไฟคลอกวันเกิดการติดเชื้อดังนั้นจึงต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลไปก่อน

             สำหรับเหตุการณ์ไฟไหม้ในครั้งนี้น่าจะเกิดมาจากตัวรถอาจมีปัญหาซึ่งต้องตรวจสอบรถที่เสียหายให้ละเอียดโดยปกติแล้วเราไม่สมควรที่จะจุดบุหรี่หรือจุดไฟ ถ้าหากมีการเช็คข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของรถจะพบว่าขนาดเอาไฟแช็ควางทิ้งไว้ในรถตอนอยู่กลางแจ้งยังไม่สามารถทำได้เลยเพราะว่าจะทำให้ไฟแช็คเกิดการระเบิดและทำให้รถเสียหายได้ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้น่าจะใกล้เคียงกันเพราะว่าการจัดไฟแนนซ์ทำให้มีความร้อนอาจจะทำให้เกิดระบบไฟฟ้าลัดวงจรขึ้นมาก็ได้จึงทำให้เกิดระเบิดขึ้นที่รถนั่นเอง

 

 

สนับสนุนโดย    แทงหวยฮานอย

เตือนภัยคุณแม่บ้าน ซื้อของราคาถูกระวังได้ของปลอม

 

      กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากในโลกออนไลน์เมื่อมีหญิงสาวคนหนึ่งได้มีการอัดคลิปวีดีโอเป็นภาพของชิ้นเนื้อปลาซึ่งเธอระบุว่าชิ้นเนื้อปลานี้เป็นชิ้นเนื้อของปลากระพงซึ่งเธอนั้นไปซื้อที่ตลาดสด  ซึ่งเป็นตลาดเช้าคลองโพ โดยเธอบอกว่ามีแม่ค้านำปลากระพงมาขายโดยระบุว่ามีการหั่นเป็นชิ้นไว้ให้เรียบร้อยแล้วและราคานั้นก็ไม่แพงจึงมีผู้คนที่ไปซื้อของในตลาดสดยามเช้านั้นต่อแถวรอเพื่อจะซื้อเนื้อปลากระพงนี้กั

นเป็นจำนวนมากซึ่งเธอก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นเดียวกันอย่างไรก็ตามแต่เมื่อเธอซื้อเนื้อปลากระพงนี้กลับมาถึงที่บ้านแล้วเมื่อเธอได้มีการลองจับเนื้อปลากระพงดูปรากฏว่าเนื้อปลากระพงที่ได้มานั้นผิดแปลกจากเนื้อปลากระพงธรรมดาทั่วไปที่เธอเคยกินนั่นก็เพราะว่าลักษณะของเนื้อปลานั้นมีความเหนียวมากโดยเธอนั้นลองเอามือจิกตู่แต่ก็ไม่สามารถฉีกได้ที่สำคัญเมื่อเธอนำเนื้อปลากระพงนี้ไปเผาปรากฏว่ามีกลิ่นเหม็นไหม้

ซึ่งไม่ใช่กลิ่นที่เป็นกลิ่นไหม้ของเนื้อปลาธรรมดาทั่วไปเพราะโดยปกติแล้วเวลาที่เราเผาปลาเราจะได้กลิ่นหอมจากการเผาปลาแต่กลิ่นเหม็นไหม้ที่ออกมาจากปลากระพงชิ้นที่เธอซื้อมานี้กับเป็นกลิ่นเหมือนยางไม่เธอจึงได้รู้ว่าปลากระพงนี้เป็นปลากระพงปลอมอย่างแน่นอนจึงได้มีการโพสต์คลิปเอาไว้ให้เพื่อนๆใน Facebook ของเธอนั้นได้เห็นและเป็นการเตือนภัยคุณแม่บ้านทั้งหลายที่ไปซื้อของที่ตลาดสดให้ระวังสินค้าปลอมซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีเคยมีเกี่ยวกับเรื่องของการนำเนื้อปูปลามาขายอย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เกิดขึ้นที่ตลาดในจังหวัดอุตรดิตถ์ซึ่งเมื่อทางนายแพทย์ได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ได้ออกมาพูดถึงเกี่ยวกับเนื้อปลาปลอมนี้ว่าหากใครที่เผลอกินเข้าไปนั้นจะเกิดอันตรายต่อกระเพาะอาหารเป็นอย่างมากเพราะมันสามารถที่จะทำให้กระเพาะอาหารทำงานหนักและกลายเป็นกระเพาะทะลุได้เลยดังนั้นทางที่ดีจึงได้มีการแนะนำเกี่ยวกับเรื่องของการซื้อเนื้อปลากระพงว่าควรจะซื้อปลากระพงที่เป็นตัวเป็นๆแทนที่จะซื้อแบบหันแล้วนั่นเองเพราะการที่เราซื้อปลาเป็นตัวๆนั้นเราสามารถมั่นใจได้เลยว่านี่คือปลาของจริงแท้แน่นอน

          อย่างไรก็ตามยังไม่มีการรายงานเพิ่มเติมเข้ามาว่าร้านค้าที่นำเนื้อปลากระพงปลอมมาขายนั้นปัจจุบันนั้นได้ถูกดำเนินคดีแล้วหรือไม่หรือว่าเลิกขายไปแล้วหรือยังคงมีประชาชนหลงเชื่อไปซื้อเนื้อปลากระพงปลอมนี้กันอยู่ซึ่งถ้าหากใครได้มีโอกาสไปเจอร้านค้าที่ขายพวกเนื้อปลาปลอมหรือแม้แต่ปู่ปลอมก็สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้าจับกุมได้

 

สนับสนุนโดย    เว็บหวยออนไลน์อันดับ1

พบชายผู้ต้องสงสัยออกมาจากป่า ในวันที่ทุกคนกำลังช่วยกันตามหาน้องชมพู่ 

       เชื่อว่าทุกคนคงยังจำพอดีของน้องชมพู่หนูน้อยวัย 3 ขวบที่อยู่จังหวัดมุกดาหารแล้วหายไปออกจากบ้านไปเป็นระยะเวลา 3 วันหลังจากที่พ่อแม่ปล่อยให้อยู่กับพี่สาวในช่วงกลางวันนั้นล่าสุดที่มีคนไปพบศพของน้องชมพู่นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณตีนเขาห่างจากหมู่บ้านประมาณ 5 กิโลเมตรนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้พากันตรวจสอบเพื่อหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ซึ่งมีเบาะแสหลายอย่างที่เชื่อว่าอาจจะมีคนเข้าไปลักพาตัวน้องชมพู่ที่บริเวณหน้าบ้านพักซึ่งไม่ใช่เป็นการที่น้องชมพู่เดินออกมาจากบ้านแล้วหลงป่าเองแน่นอนโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้ผู้หญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเธอให้ชื่อนามสมมุติว่านางสาวโบว์ด้วยเธอเป็นชาวบ้านอยู่บริเวณใกล้ๆกับหมู่บ้านที่เกิดเหตุเมื่อเธอทราบข่าวเกี่ยวกับน้องชมพู่ที่หายตัวออกจากบ้านเธอจึงได้ชักชวนคนที่บ้านพากันขับรถเดินทางมาที่หมู่บ้านของน้องชมพู่

เพื่อที่จะได้ช่วยพ่อแม่ของน้องชมพู่ตามหาน้องแต่ระหว่างทางที่เดินทางมานั้นช่วงประมาณ 14:00 นของวันที่ 23 เดือนพฤษภาคมพ.ศ 2563 นางสาวโบว์และเพื่อนรวมทั้งหมด 7 คนได้พบชายผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งซึ่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้ามอมแมมและมีลักษณะของเสื้อผ้านั้นเปื้อนดินโคลนเดินด้วยอาการหมดเรี่ยวแรงออกมาจากป่าเพิ่งมาทางจากตีนเขาเด็กไฟซึ่งเป็นเขาเดียวกันกับที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยไปพบศพของน้องชมพู่นั่นเอง

ซึ่งในตอนที่พวกเธอได้เห็นชายคนดังกล่าวนั้นเขามีอาการดูแล้วลุกลี้ลุกลนและพยายามเอาเสื้อปิดบังใบหน้าของตนเองเมื่อสอบถามว่าจะเดินทางไปที่ไหนจะได้ไปส่งชายคนนั้นก็บอกว่าจะไปส่งที่ไหนก็ได้ขอแค่อยากออกไปให้พ้นจากหมู่บ้านนี้เท่านั้นเองซึ่งนางสาวโบว์ได้บอกว่าจุดที่พบชายคนดังกล่าวนั้นเป็นจุดที่ห่างจากบ้านของน้องชมพู่แค่เพียง 2 กิโลเมตร

และเป็นจุดที่ห่างจากจุดที่พบศพของน้องชมพู่ประมาณ 6 กม. ดังนั้นเธอจึงค่อนข้างที่จะสงสัยว่าชายคนนี้อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของน้องชมพู่จึงได้พยายามถ่ายรูปไว้แต่ชายคนดังกล่าวพยายามหาอะไรปิดบังใบหน้าและหันหน้าหนีไม่ยอมให้ถ่ายรูปเธอและเพื่อนๆจึงได้ขับรถผ่านชายคนดังกล่าวไปส่งที่ป้อมตำรวจโดยระหว่างที่เขามาที่ป้อมตำรวจนั้นก็ยังได้ยินชายคนนั้นพูดว่าเขาไม่ผิดเขาไม่กลัวอะไรเขามาที่ป้อมตำรวจได้และระหว่างที่พูดคุยกันนั้นเขายังได้พูดถึงก็ดีของน้องชมพู่อีกด้วยว่าตัวเขาเอง

ก็มีลูกแล้วเขารู้สึกสงสารน้องชมพู่เป็นอย่างมาก ชายคนดังกล่าวยังเล่าให้กับคุณโบว์ฟังอีกว่าเขาเป็นคนที่จังหวัดสกลนครเดินทางมาหาเพื่อนที่นี่แล้วก็พบว่าเพื่อนมีการเอารถของเขาไปเขาจึงต้องเดินเท้ากลับและเขาก็พบปัญหาเรื่องของภรรยาทิ้งและเมื่อถึงที่ป้อมตำรวจเขาก็ขอยืมโทรศัพท์มือถือโทรไปหาแม่ให้แม่มารับกลับซึ่งหลังจากที่มีการโทรไปตามแม่ผ่านไปไม่นานก็มีผู้หญิงคนนึงแล้วก็ผู้ชายอีกคนหนึ่งขับรถมารับเขาออกไปในระหว่างที่เขาเดินออกจากป้อมตำรวจนั้นเขาก็ยังพูดทำนองว่าเขาไม่ผิด

และเขาไม่กลัวกับการเข้ามาในด่านซึ่งเมื่อมีการนำเอาลูกชายของชายคนดังกล่าวให้กับคนในหมู่บ้านของน้องชมพู่ดูต่างก็ยืนยันว่าไม่มีใครเคยเห็นชายคนนี้มาก่อนดังนั้นนางสาวจึงได้นำภาพและข้อมูลต่างๆจะแจ้งให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเพื่อที่จะได้ติดตามตัวชายคนดังกล่าวมาทำการสืบสวนสอบสวนอีกครั้งหนึ่งว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของน้องชมพู่หรือไม่

 

สนับสนุนโดย  ซื้อหวยออนไลน์ เว็บไหนดี