เปิดผลเสียจากการที่เราทานหวานมากเกินไป

อาหารรสหวาน เป็นหนึ่งในรสชาติที่หลาย ๆ คนนั้นชื่นชอบกันเป็นอย่างมาก เพราะเป็นรสที่สามารถทานได้ง่าย และมีอาหารมากมายหลากหลายประเภทมาก ๆ แต่รู้หรือไม่ว่า ถึงแม้ว่าอาหารรสชหวาน จะเป็นรสชาติที่หลาย ๆ คนอาจจะคุ้นเคยกันอยู่แล้ว แต่หากเราทานมากเกินไป นอกจากจะทำให้น้ำหนักของเราเพิ่มขึ้นแล้ว

ยังอาจก่อให้เกิดสิวได้ง่าย ทำให้ร่างกายของเราได้รับผลกระทบอย่างนักได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานนั่นเอง

เพราะโรคนี้เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการที่เราทานปริมาณน้ำตาลที่เยอะเป็นประจำ เนื่องจากนำตาลส่วนใหญ่อาจจะซ่อนหรือแอบแฝงอยู่ภายในขนม ของว่าง หรือแม้แต่อาหารต่าง ๆ มากมายที่เราชอบทานนั่นเอง ฉะนั้น ยิ่งถ้าเราทานมาก ๆ ก็จะยิ่งเป็นการทำร้ายสุขภาพร่างกายของตนเอง

จนก่อให้เกิดความร้ายแรงขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้ ชื่นชอบอาหารรสชาติหวานกันมาก ๆ แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็ควรที่จะคำนึงถึงผลกระทบ

หรือควรคำนึงถึงสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดี เพราะการมีสุขภาพร่างกายที่ดีจากภายในสู่ภายนอก เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่  เครื่องช่วยฟัง   เราไม่ควรมองข้าม ดังนั้น สำหรับใครที่ชอบทานหวานมาก ๆ วันนี้เราก็พาทุกคนไปดูกันว่า ผลเสียที่ร่างกายของเราจะได้รับจากการทานหวานมากเกินไปนั้น จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย

1.การเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ

โรคหัวใจ เป็นหนึ่งในโรคที่มีความอันตรายเป็นอย่างมาก โดยโรคนี้อาจเกิดขึ้นได้จากการที่เราทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงมากเกินไป เพราะยิ่งเราทานหวานมาก ๆ เราก็จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน และเสี่ยงต่ออาการอักเสบต่าง ๆ ได้ง่าย และที่สำคัญ จะยิ่งทำให้ร่างกายของเรานั้น มีปริมาณน้ำตาลสูงจนอาจทำให้ไขมันเกิดการอุดตันในเส้นเลือดนั่นเอง 

2.การเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง

เป็นหนึ่งในโรคที่หลาย ๆ คนเกรงกลัวกันเป็นอย่างมาก ซึ่งรู้หรือไม่ว่าโรคมะเร็งมีสาเหตุมากจากการที่เราทานหวานมากเกินไป เพราะอาหารรสหวานที่เรารับประทานเข้าไปนั้น ส่วนใหญ่มีอุดมไปด้วยน้ำตาลที่ค่อนข้างสูง จึงอาจนำพาเราเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งได้ นอกจากนี้ยังอาจทำให้ร่างกายของเรานั้นเกิดภาวะดื้ออินซูลิน จนอาจเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งได้อีกด้วย 

3.อาจทำให้เราแก่เร็วมากขึ้น

หลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า การทานหวานมากเกินไป อาจจะทำให้ร่างกายของเรานั้นเร่งกระบวนการความชราของผิวเราได้ ทำให้เราดูเป็นคนที่มีอายุมากขึ้น เนื่องจากอาหารรสชาติหวานจะคอยทำลายผิวของเราให้เหี่ยวย่นได้ง่าย ผิวดูไม่มีชีวิตชีวา รวมไปถึงอาจทำให้เรามีริ้วรอยได้ง่ายมากขึ้นอีกด้วย 

แนะนำอาหารบำรุงสายตา ทำงานก็ไม่ต้องกังวล

อย่างที่เราทราบกันเป็นอย่างดีว่า มนุษย์เงินเดือนนั้นแทบจะอยู่นอนกินในที่ทำงานเลยก็ว่าได้ เพราะชีวิตเต็มที่ไปกับการทำงานเอามาก ๆ ไม่ว่าใครก็ตามก็คงที่อยากหาเงินได้เยอะมากที่สุด ยิ่งทำหลายอาชีพก็จะยิ่งทำให้คนส่วนใหญ่มีเงินใช้กัน แต่รู้หรือไม่ว่า การทำงานถือเป็นเรื่องที่ดี

ที่เราจะหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวได้ แต่ในขณะเดียวกันการที่เราทำงานหนักมากเกินไปนั้น แน่นอนว่าจะยิ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายตา เพราะในแต่ละวันนั้นเรานั่งจ้องอยู่หน้าจ้องคอมตลอดทั้งวัน

บางคนแทบจะไม่ได้ละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เลยก็ได้ จนทำให้สายตาล้า และเสื่อมได้ง่ายนั่นเอง ดังนั้น ไม่ว่าเราจะทำงานหนักมากแค่ไหนก็ตามการดูแลสุขภาพร่างกายเป็นอย่างดี เราก็ไควรที่จะมองข้าม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของสายตา ควรที่จะให้ความสำคัญกับการดูแล บำรุง เพื่อช่วยให้ดวงตาของเรานั้นสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฉะนั้น สำหรับใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับการใช้งานดวงตาหนักเกินไป

วันนี้เราก็จะมา แนะนำอาหารบำรุงสายตา รับรองได้เลยว่าหากทานเป็นประจำนั้น จะยิ่งทำให้สายตาของเราสุขภาพดี และใชงานได้อย่างยาวนาน ไปดูกันเลย 

1.บิลเบอร์รี่

แน่นอนว่าอาหารตระกูลนี้ ถือเป็นหนึ่งในอาหารที่สามารถช่วยบำรุงรักษาสุขภาพดวงตาของเราได้เป็นอย่างดีเลยก็ว่าได้ เพราะผลไม้ตระกูลสีม่วง รสชาติออกเปรี้ยว จะอุดมไปด้วยสารอาหารหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นทั้งวิตามินซี สังกะสี แคลเซียม ซีลีเนียม รวมไปถึงสารอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งแน่นอนว่าจะมีส่วนช่วยในการบำรุงสายตาของเรา ป้องกันการเกิดต้อกระจกตา หรือโรคที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวดวงตาของเราได้อีกด้วย 

2.โกจิเบอร์รี่

เป็นอีกหนึ่งอาหารที่เรียกได้ว่าสามารถช่วยบำรุงดวงตาของเราได้เป็นอย่างดี เพราะผลไม้สีแดงชนิดนี้จะมีต้นกำเนิดมาจากจีน ซึ่งจะอุดมไปด้วยสารอคโรทีนอยด์ และซีแซนทีน ที่สามารถช่วยบำรุงสุขภาพดวงตาของเราได้เป็นอย่างดี ช่วยบรรเทาอาหารพร่ามัวของดวงตาได้ ช่วยลดการเกิดประสาทตาเสื่อม ช่วยในการมองเห็น และที่สำคัญ ยังมีประโยชน์ดี ๆ ต่อสุขภาพร่างกายของเราอีกด้วย 

3.ลูทีน

สารอาหารนิดนี้มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตาได้เป็นอย่างดี เพราะช่วยป้องกันแสงที่อาจเป็นอันตรายต่อสายตาของเราได้ รับรองได้เลยว่าหากทานอาหารประเภทนี้เป็นประจำจะยิ่งทำให้สายตาของเราสุขภาพดี และสามารถใช้งานได้อย่างยาวนานมากยิ่งขึ้น 

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟัง

ครอบครัวของฉันคือทีมของฉันหลักการโภชนา

ครอบครัวของฉันคือทีม โดยมีภรรยา ลูกชาย และลูกสาวของเขาจะเข้าร่วมกับ Damian ในอาร์เจนตินา จากบ้านริมชายหาดใน Mar Del Plata

ทางตอนใต้ของ Buenos Aires ครอบครัวของ Damian จะช่วยบันทึกความก้าวหน้าของเขา ครอบครัวของ Damian เป็นส่วนหนึ่งของทีมของเขาตลอดการฝึกซ้อม และจะเป็นส่วนสำคัญในความพยายามของเขาในระหว่างการแข่งขัน “ลูกสาวของฉัน Sofija เป็นโค้ชของฉันมาก วิสโก ลูกชายของฉันจะเป็นตากล้อง และเดบร้า ภรรยาของฉันจะอยู่ที่นั่นในฐานะนักโภชนาการ ปรุงอาหารสุดวิเศษของเธอ

“มันจะเป็นงานของทีม พวกเขาจะอยู่ที่นั่น และผมต้องการนำความสำเร็จกลับมาให้พวกเขา” ด้วยอารมณ์บางอย่าง Damian แนะนำว่าเขารู้สึกโชคดีมากที่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากครอบครัวของเขา รอดพ้นจากกระบวนการที่กระทบกระเทือนจิตใจของการปลูกถ่ายอวัยวะ ความกดดันซึ่งมักส่งผลให้ความสัมพันธ์แตกหัก “ในฐานะสังคม

เราต้องเริ่มคิดถึงผลกระทบของการเจ็บป่วยต่อครอบครัว หากไม่มีการสนับสนุนจากครอบครัว ฉันไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้ พวกเขาอยู่ที่นั่นเพื่อฉันเมื่อฉันป่วย พวกเขาอยู่ที่นั่นเพื่อฉันเมื่อฉันมาถูกทาง และเป็นเรื่องยากมากสำหรับเรา แต่ตอนนี้เราเริ่มเห็นผลของมันแล้ว” “ถึงแม้คุณจะมีของประทานอันน่าอัศจรรย์นี้ คุณก็ต้องดำเนินชีวิตภายในและยอมรับข้อจำกัดต่างๆ”

ตอนนี้เข้าสู่การฝึกอบรมสำหรับเกม Damian ใช้ศูนย์สุขภาพของ Nuffield ที่ Paddington ซึ่งเขาเดินทางเข้าลอนดอนเพื่อทำงานเป็นที่ปรึกษาทางการเงินและเทคโนโลยี และใน Reading ซึ่งเขาอาศัยอยู่กับภรรยา “เป็นเรื่องดีสำหรับฉันที่ได้ใช้สิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่างที่สะท้อนถึงกันและกัน สระว่ายน้ำขนาด 20 ม.

ช่วยให้ฉันมีสมาธิกับเทคนิคและแอโรบิค และการมีนักกายภาพบำบัดคอยช่วยเหลือก็เป็นสิ่งล้ำค่า Collette ในโรงงาน Paddington ช่วยฉันผ่านอาการบาดเจ็บในอดีตที่ฉันเคยได้รับจากรักบี้ คาราเต้ และเล่นกระดานโต้คลื่น ฉันยังได้รับการประเมินสุขภาพแบบ 360 องศาซึ่ง  เครื่องช่วยฟัง   ทำให้ฉันสามารถประเมินสมรรถภาพร่างกายของฉันเทียบกับคนทั่วไป

และให้แนวคิดในการปรับปรุงโภชนาการและสมาธิ” การฝึกของ Damian เป็นการผสมผสานระหว่างการวิ่งสปรินต์

สำหรับการแข่งขันระยะ 50 ม. และ 100 ม. และการวิ่งทางไกลสำหรับการแข่งขันระยะ 200 ม. และ 400 ม. แต่ในฐานะผู้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ Damian จะต้องปรับตัวให้เข้ากับร่างกายของเขาให้มากกว่านี้ และเขาต่างก็ตระหนักถึงผลที่ตามมาหากเขาไม่ฟัง “คุณมีวันที่คุณไม่ค่อยสบาย

แม้ว่าคุณจะมีของประทานอันน่าอัศจรรย์นี้ คุณต้องดำเนินชีวิตภายใต้ข้อจำกัดและคุณต้องยอมรับข้อจำกัดเหล่านั้น และคุณไม่สามารถผลักดันตัวเองได้จริงๆ ก่อนที่ฉันจะปลูกถ่าย ฉันพยายามอย่างเต็มที่ ฉันรู้ว่าร่างกายของฉันรับได้ ฉันไม่มีความหรูหรานั้นอีกแล้ว แต่ถ้าคุณมีระเบียบวินัยและมุ่งมั่น และด้วยการสนับสนุนจากองค์กรต่างๆ เช่น Nuffield Health คุณจะประสบความสำเร็จได้

หวังว่านั่นคือสิ่งที่ฉันจะทำ” ดังนั้นแล้วการเล่นกีฬาและหลักการโภชนาเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญและใส่ใจอย่างมาก

3 เคล็ดลับง่ายๆในการลดอาการท้องผูก

การลดอาการท้องผูก เป็นหนึ่งในอาการที่พบเจอได้บ่อยมากๆในสมัยปัจจุบันนี้ ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นจากการที่เรารับประทานอาหารมากจนเกินไป ดูในบางครั้งอาจเกิดขึ้นจากการที่เราขับถ่ายน้อยเกินไปจนทำให้ระบบขับถ่ายของเราทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ จนทำให้เรามีอาการท้องอืดท้องเฟ้อ รวมไปถึงถึงมีอาการท้องผูกอีกด้วย

ซึ่งอาการนี้ถึงแม้จะไม่ได้มีอาการที่รุนแรงมากนักแต่ในขณะเดียวกันก็อาจทำให้หลายคนมีอาการหงุดหงิดหรือไม่ค่อยสบายตัว ซึ่งมักที่จะมีอาการพะอืดพะอมอยู่ตลอดเวลาจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต ฉะนั้นถึงแม้ว่าการท้องผูกจะเป็นหนึ่งในอาการที่ไม่ได้มีความอันตรายร้ายแรงแต่อย่างใด

แต่ทางที่ดี ไม่ว่าร่างกายของเราจะมีอาการอะไรก็ตามเราก็ ไม่ควรที่จะปล่อยละเลยควรที่จะหาวิธีในการแก้ไขเพื่อให้อาการนั้นทุเลาลง เพราะถ้าหากเราปล่อยไว้อาการก็อาจรุนแรงมากยิ่งขึ้นจนอาจส่งผลกระทบและทำให้ร่างกายของเราได้รับความเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่างๆ อย่างไรก็ตามสำหรับคนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้ที่กำลังพบเจอกับปัญหาอาการท้องผูกอยู่บ่อยๆวันนี้เราก็จะมาแนะนำเคล็ดลับง่ายๆในการแก้อาการท้องผูกหรือช่วยลดอาการท้องผูกรับรองได้เลยว่าหากทำเป็นประจำนอกจากจะช่วยบรรเทาอาการท้องผูกได้เป็นอย่างดี

ยังดีต่อสุขภาพร่างกายและดีต่อระบบขับถ่ายของเราอีกด้วย จะมีวิธีไหนกันบ้างนั้นไปดูกันเลย

การรับประทานอาหารที่มีเส้นใยอาหาร แน่นอนว่าการที่เราจะลดอาการท้องผูกนั้นควรที่จะเน้นการรับประทานอาหารที่มีเส้นใยหรือกากใย  เครื่องช่วยฟัง   อาหารค่อนข้างสูงเพื่อเป็นตัวกระตุ้น ระบบขับถ่ายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นยิ่งถ้าเราไม่ค่อยได้ขับถ่ายการที่เราเลือกรับประทานอาหารประเภทดังกล่าวเข้าไปแล้ว จะยิ่งทำให้เรานั้น มีระบบขับถ่ายที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในวิธีที่จะทำให้เรานั้น ลดอาการท้องผูกได้อีกด้วย

ควรอุจจาระให้เป็นเวลา แน่นอนว่าอาการท้องผูกเกิดขึ้นจากการที่เราอุจจาระหรือเข้าห้องน้ำน้อยจนเกินไป จนส่งผลให้ท้องของเรานั้น เกิดอาการท้องผูกขึ้น ฉะนั้นวิธีแก้ง่ายๆเลยก็คือเราก็ควรที่จะเข้าห้องน้ำหรือควรที่จะอุจจาระให้เป็นเวลาไม่ควรอั้นอุจจาระนานจนเกินไป

การดื่มน้ำสะอาดเป็นประจำ แน่นอนว่าน้ำเป็นส่วนประกอบที่สำคัญต่อสุขภาพร่างกายของเรา แต่รู้หรือไม่ว่าการที่เราดื่มน้ำสะอาดเป็นประจำนั้นก็มีส่วนช่วยในการลดอาการท้องผูกได้เพราะน้ำที่เราดื่มเข้าไปนั้นจะเข้าไปชำระล้างสารตกค้างที่อยู่ภายในร่างกาย รวมไปจนถึง ช่วยให้ร่างกายของเรานั้นไม่เกิดอาการขาดน้ำ อีกด้วย ดังนั้นสำหรับใครที่มีอาการท้องผูกอยู่บ่อยๆการที่เราดื่มน้ำเยอะๆเป็นประจำ จะช่วยทำให้เรานั้นมีระบบขับถ่ายที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เช็คพฤติกรรมทำลายสุขภาพที่เรากำลังทำอยู่

สุขภาพดี เป็นสิ่งที่หลายๆ คนนั้นปรารถนาการเป็นอย่างมาก เพราะการมีสุขภาพร่างกายที่ดี ก็จะยิ่งทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข แต่เนื่องจากว่าคนส่วนใหญ่ชีวิตนั้นเต็มไปด้วยการทำงาน จึงทำให้ไม่มีเวลาดูแลสุขภาพร่างกายตนเอง และปล่อยละเลยสุขภาพร่างกาย จนทำให้ร่างกายเสื่อมสภาพลงนั่นเอง ซึ่งสมัยปัจจุบันนี้การมีสุขภาพร่างกายนั้น

สามารถทำได้หลายรูปแบบด้วยกัน คือ การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

เช็คพฤติกรรมทำลายสุขภาพ รวมไปถึงการดุแลสุขภาพร่างกาย การไม่ทำร้ายสุขภาพร่างกาย อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าคนส่วนใหญ่นอกจากจะปล่อยละเลยการดูแลสุขภาพร่างกายแล้วนั้น ยังมีพฤติกรรมที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย และหลาย ๆ คนอาจจะไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเองทำอยู่นั้น อาจทำให้สุขภาพร่างกายของเราได้รับผลกระทบได้ ฉะนั้น วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับพฤติกรรมที่เรากำลังทำลายสุขภาพ จะมีอะไรกันบ้างนั้น ไปดูกันเลย

1.การตามใจปากมากเกินไป เชื่อว่าสาวๆส่วนใหญ่นั้นมีพฤติกรรมการที่อาจส่งผลทำลายสุขภาพร่างกาย โดยเฉพาะการกินแบบตามใจปากมากเกินไป เพราะสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้นอาจส่งผลให้เราอ้วนโดยไม่รู้ตัวได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคอ้วน เพราะปกติแล้ว เราจะเห็นได้ว่าคนที่เจ็บไข้ได้ป่วย มักที่จะมีพฤติกรรมการกินจนส่งผลให้ตนเองอ้วน ดังนั้น สำหรับใครที่กำลังมีพฤติกรรมการกินเหล่านี้อยู่ หากไม่อยากทำลายสุขภาพร่างกายของตนเองไปมากกว่านี้ แนะนำให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ไม่ควรตามใจปากจนมากเกินไป 

2.การมีพฤติกรรมการนอนที่ไม่ดี รู้หรือไม่ว่าการนอนก็ถือเป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่เราทำแล้วอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายของเราได้ เพราะยิ่งเรามีพฤติกรรมการนอนที่ไม่ดี ก็ย่อมส่งผลให้เรามีอาการง่วงซึม หรืออาจรู้สึกง่วงในระหว่างวันได้ ยิ่งถ้าเราเป็นแบบนี้นานๆ ก็จะยิ่งทำให้เรานั้น มีปัญหากับการนอน จนอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายต่าง ๆ ได้นั่นเอง ดังนั้น ทางที่ดี ควรเข้านอนให้ตรงเวลา หรือนอนในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อไม่ทำร้ายสุขภาพร่างกายไปมากกว่านี้ 

3.การหลีกเลี่ยงการไปพบหมอ อย่างที่เราทราบกันดีว่า ร่างกายของคเราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพ ตรวจเช็คร่างกายว่ามีความผิดปกติอะไรเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งข้อนี้ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก แต่เนื่องด้วยอะไรหลาย ๆ อย่างทำให้คนส่วนใหญ่ไม่เข้ารับการพบหมอ ทำให้ร่างกายคนเรานั้นมีปัญหาต่าง ๆ เกิดขึ้นได้ง่าย โดยไม่รู้ตัว เพราะปัญหาสุขภาพเป็นสิ่งที่ถือว่ามีความอันตรายเป็นอย่างมาก ฉะนั้น ทางที่ดี เราควรที่จะเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อตรวจเช็คสุขภาพร่างกาย ว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่ เพื่อที่เราจะได้ป้องกันได้ทันนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  เครื่องช่วยฟัง

มาลดน้ำหนักหรือลดไขมัน เพื่อสุขภาพที่ดีต่อตัวเองกันเถอะ

มาลดน้ำหนักหรือลดไขมัน  เพื่อนๆหรือสาวๆ ที่อยากลดน้ำหนักหรือลดความอ้วน มาทางนี้เลย เพื่อนๆและสาวๆ มาถูกทางละ เราจะเป็นเพื่อนกันในการลดน้ำหนักหรือลดไขมันกันเถอะ มาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่จะช่วยทำให้เราลดน้ำหนักหรือลดไขมันได้ไว

-ตื่นมาก็ดื่มน้ำเลย

เพื่อนๆและสาวๆ เชื่อหรือไม่ว่าการที่เราตื่นมาแล้วดื่มน้ำเลย นั้นดีต่อร่างกายเรามากนะ เพราะว่าการที่เราดื่มน้ำเปล่าเลยจะช่วยกระตุ้นระบบต่างๆของร่างกายไม่ว่าจะ เป็นระบบขับถ่าย ระบบย่อยหรือแม้กระทั้งระบบการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย

-เลือกกินอาหารที่ดี

เพื่อนๆและสาวๆ ที่อยากลดน้ำหนักหรือลดไขมันในร่างกายแล้วละก็ การที่เราเลือกกินอาหารที่ดีหรืออาหารที่มีประโยชน์นั้นสำคัญมากๆ เพราะว่าการเรานั้นเลือกกินดี ร่างกายเราจะลีนได้ไว และสามารถลดไขมันได้ดีด้วยนะ

-ดื่มน้ำเยอะๆ 

เพื่อนๆและสาวๆ ที่อยากผอมหรือลดไขมันได้ดี ควรจะหันมาดื่มน้ำเปล่าให้เยอะๆ นะ เพราะว่าการที่เราดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ จะช่วยทำให้เราอิ่มได้ และยังช่วยเรื่องไม่หิวจุบจิบด้วยนะ เพราะว่าบางครั้งที่เราอยากกินนู้นนี่ จริงๆแล้วคือร่างกายแค่ต้องการดื่มน้ำเท่านั้นเอง

-งดของหวาน ทั้งเครื่องดื่มและขนมหวานๆ

การที่เราจะลดไขมันหรือลดน้ำหนักมให้ได้ไวๆ แนะนำว่าเพื่อนๆและสาวๆต้องงดของหวานก่อนเลย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มหวานๆ และขนมหวานๆ ต่างๆ เพราะว่าแคลอรี่สูงและยังทำให้เราอ้วนได้ง่ายมากๆ

-ลดหรืองดของมันๆ และของทอดๆ 

เพื่อนๆและสาวๆที่อยากจะผอมหรือลดไขมันนั้น สิ่งที่เราต้องระวังการกินมากๆ นั้นก็คือ ของทอดๆๆ ของที่ติดมัน หรือ ของมันๆ ต่างๆ นั้นเองเพราะว่าการที่เรายังกินแบบนี้อยู่ละก็จะทำให้เพื่อนๆและสาวๆ ลดไขมันได้ยากมากๆ และอาจจะเพิ่มไขมันให้เราอีกต่างหากละ

-กินผลไม้เป็นของว่างดูสิ

เพื่อนๆและสาวๆที่ชอบหิวบ่อยๆ หรือ อยากกินของว่างต่างๆ  เครื่องช่วยฟัง   แนะนำว่าลองหันมาเลือกผลไม้กินดูสิ อาจจะเลือกเป็นผลไม้ที่หวานน้อยๆ อย่าง แอปเปิ้ล ฝรั่ง ชมพู่ สามารถลดความหิวได้ดีอยู่ท้องอีกต่างหาก

-พักผ่อนให้เพียงพอ

เพื่อนๆและสาวๆ คนไหนที่นอนน้อยหรือไม่ค่อยได้นอน นั้นมีผลต่อการลดน้ำหนักหรืลดความอ้วนด้วยนะ เพราะว่าการที่เรานอนน้อยจะทำให้เราควบคุมความหิวได้แย่ และจะทำให้เราหิวบ่อยอยากกินของจุบจิบ แนะนำว่านอนให้เพียงพอจะช่วยทำให้ลดไขมันได้ดีกว่าเยอะเลย

ก้าวกระโดดในยารักษามะเร็งที่เหมาะ

ผู้ที่เป็นมะเร็งที่รักษาไม่ได้ได้รับการออกแบบระบบภูมิคุ้มกันใหม่เพื่อโจมตีเนื้องอกของตนเอง การศึกษาเชิงทดลองเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยเพียง 16 ราย

แต่ได้รับการขนานนามว่า “ก้าวกระโดด” และ “ทรงพลัง” แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีดังกล่าว แต่ละคนมีการรักษาที่พัฒนาขึ้นสำหรับพวกเขาโดยเฉพาะ ซึ่งมุ่งเป้าไปที่จุดอ่อนเฉพาะในเนื้องอกของพวกเขา ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินประสิทธิผลของการบำบัดอย่างครบถ้วน อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายสูงและใช้เวลานาน

งานมุ่งเน้นไปที่ส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันที่เรียกว่า T-cells ซึ่งจะลาดตระเวนร่างกายและตรวจสอบเซลล์อื่นเพื่อหาปัญหา พวกเขาใช้โปรตีนที่เรียกว่าตัวรับเพื่อตรวจหาสัญญาณของการติดเชื้อหรือเซลล์ผิดปกติที่กลายเป็นมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มะเร็งอาจเป็นเรื่องยากสำหรับ T-cells ในการตรวจหา ไวรัสแตกต่างจากร่างกายมนุษย์อย่างชัดเจน แต่มะเร็งนั้นบอบบางกว่าเพราะเป็นเซลล์ที่เสียหายของเราเอง แนวคิดของการบำบัดคือการเพิ่มระดับของ T-cells ที่ตรวจจับมะเร็งเหล่านี้ ต้องปรับให้เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละรายเนื่องจากเนื้องอกแต่ละชนิดมีลักษณะเฉพาะ

นี่คือวิธีการทำงาน นักวิจัยได้คุ้ยเลือดของผู้ป่วยเพื่อหา T-cells ที่หายากซึ่งมีตัวรับที่สามารถดมกลิ่นมะเร็งได้ จากนั้นพวกเขาก็เก็บเกี่ยว T-cells อื่นๆ ที่ไม่พบมะเร็งและออกแบบพวกมันใหม่ ตัวรับดั้งเดิมซึ่งอาจพบปัญหาหรือการติดเชื้ออื่น ๆ

ถูกแทนที่ด้วยตัวรับจาก T-cells ที่ค้นหามะเร็ง สุดท้าย T-cells ที่ได้รับการดัดแปลงเหล่านี้จะถูกใส่กลับเข้าไปในตัวผู้ป่วยเพื่อค้นหาเนื้องอก

การแปลง T-cells ให้เป็นรูปแบบที่สามารถล่ามะเร็งได้นั้นจำเป็นต้องมีการจัดการทางพันธุกรรมอย่างมากเพื่อลบคำสั่งทางพันธุกรรมสำหรับการสร้างตัวรับเก่าและให้คำแนะนำสำหรับตัวรับใหม่

สิ่งนี้เกิดขึ้นได้จากความก้าวหน้าอย่างมากในเทคโนโลยีการตัดต่อยีน Crispr ซึ่งทำหน้าที่เหมือนกรรไกรตัดโมเลกุล ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถจัดการกับ DNA ได้อย่างง่ายดาย นักวิจัยผู้พัฒนา Crispr ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเคมีในปี 2020 การทดลองนี้เกี่ยวข้องกับผู้ที่เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม หรือมะเร็งปอดที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่นๆ การศึกษานี้ออกแบบมาเพื่อทดสอบความปลอดภัยและความเป็นไปได้ของเทคโนโลยี

และแสดงให้เห็นว่าเซลล์ที่ได้รับการดัดแปลงกำลังหาทางเข้าสู่เนื้องอก โรคยังคงแย่ลงเรื่อย ๆ ในผู้ป่วย 11 ราย แต่คงที่ในอีก 5 ราย อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการศึกษาที่ใหญ่ขึ้นเพื่อหาขนาดยาที่ถูกต้องและได้ผลจริงเพียงใด ดร. Antoni Ribas หนึ่งในนักวิจัยจาก University of California, Los Angeles กล่าวว่า “นี่เป็นก้าวกระโดดในการพัฒนาวิธีการรักษาเฉพาะบุคคลสำหรับโรคมะเร็ง”

ผลลัพธ์ถูกนำเสนอในที่ประชุมของ Society for Immunotherapy of Cancer และเผยแพร่พร้อมกันในวารสาร Nature ดร.มาเนล ฮวน หัวหน้าฝ่ายบริการภูมิคุ้มกันวิทยาของ Clinic Hospital ในบาร์เซโลนา กล่าวว่านี่เป็น “งานที่ไม่ธรรมดา” และ “เป็นหนึ่งในความก้าวหน้าที่สุดในสาขานี้อย่างไม่ต้องสงสัย” เขาเสริมว่า “มันเปิดประตูสู่การใช้ [แนวทาง] เฉพาะบุคคลนี้ในมะเร็งหลายประเภทและอาจเป็นไปได้ในโรคอื่นๆ อีกมากมาย” ‘เซลล์ผู้ออกแบบ’ ย้อนมะเร็งเด็ก 1 ขวบ

รุ่งอรุณแห่งการแพทย์การตัดต่อยีน ศ.วาซีม กาซิม ผู้ออกแบบระบบภูมิคุ้มกันช่วยชีวิตที่โรงพยาบาลเกรท ออร์มอนด์ สตรีท กล่าวว่า นี่เป็น “การสาธิตที่ทรงพลังแต่เนิ่นๆ ถึงสิ่งที่อาจเป็นไปได้ด้วยเทคนิคใหม่ๆ” ดร. Astero Klampatsa จากสถาบันวิจัยมะเร็ง ลอนดอน กล่าวว่า การศึกษานี้ “สำคัญ” แต่เตือนว่า “เวลา แรงงาน และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง” นั้น “มหาศาล”

 

สนับสนุนโดย.    เครื่องช่วยฟัง

สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเลือกซื้อ Universal IN EAR MONITOR

สิ่งที่ต้องรู้ก่อนเลือกซื้อ Universal IN EAR MONITOR ตัวหูฟัง Universal ประเภทนี้นะครับ

เหมาะกับการใส่ของรูหูทุกคนเพราะออกแบบมามีพื้นฐานทั่วไปของหูฟังอยู่ในตัวมันอยู่แล้วในเชิงทั้งดีไซน์และความกระชับ มีหลายอย่างที่เราจะสามารถทำให้มันใกล้เคียงกับหูฟัง custom มากขึ้น และก็หลายอย่างเช่นเดียวกันที่เป็นข้อจำกัดของมัน เราจึงยกตัวอยาก สิ่งที่ต้องรู้มาแนะนำเพื่อนๆดังนี้ มีการสวมใส่ 2 แบบ คือ หูฟังแบบจุกที่เสียบตรงส่งต่อไปยังรูหูคุณจะพบเจอหูฟังแบบนี้ได้พื้นฐานทั่วไป

คล้ายกับหูฟังมือถือ ส่วนอีกแบบนึงคือจะใส่แล้วมีความกระชับไม่หลุดง่ายจะเป็นแบบที่คล้องมาจากทางดั้นหลังหูและสวมใส่เปรียมเสมือนตัวล๊อคกันการหลุดของหูฟังนั่นเอง ราคาแพงใช่ว่าจะดีเสมอไป เนื่องจากผลิตมาจากหลายโรงงานหลายเจ้าบางคนอาจจะเจอหูฟัง Universal หลักร้อย แต่เราชอบเสียงของมันมากกว่าหลักพันก็มี แต่ถ้าคุณจะเลือกใช้เจ้าหูฟังตัวนี้

โดยเน้นที่คุณภาพเสียงโดยตรง แนะนำให้ลองให้มากขึ้นเพื่อเราจะได้รู้ว่าเราชอบอันไหน จะได้ไม่เสียใจหลังซื้อนะครับ ความทนทานต่ำกว่า Custom- Moled  เพราะทำจากพลาสติกใช้อุปกรณ์การต่อหลายชิ้นความทนทานส่วนใหญ่ก็จะอยู่ที่การออกแบบบอดี้หรือ ตรงหูฟังนั่นเอง

ว่าลักษณะที่ออกแบบมาเป็นแบบไหนอย่างไรแตกต่างกันออกไป อุปกรณ์ภายในเหมือน Custom – Moled ต่างกันแค่ Shell หรือ Housing ภายนอกเท่านั้น เป็นอย่างไรกันบ้างกับวิธีที่กระผมมาแนะนำสิ่งที่น่ารู้แบบรวบรัดของหูฟัง Universal IN EAR MONITOR เพื่อต้องการให้ทุกท่านได้รู้และตัดสินใจก่อนจะซื้อเจ้าหูฟังตัวนี้ว่าหลักๆ การทำงานเป็นอย่างไรแตกต่างกันบ้างมั้

สิ่งสำคัญที่สุดของหูฟังตัวนี้ถ้าราคากลางๆ ก็ควรเลือกรูปทรงหรือบอดี้มันให้ดูแข็งแรงทนทานหน่อยเพราะ เสียหายค่อยข้างง่ายถ้าหากบอดี้ออกแบบมาไม่ดีมากนัก

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  เครื่องช่วยฟัง

รู้หรือไม่หากใช้เครื่องช่วยฟังแล้วใช้โทรศัพท์ยังไง

 สำหรับคนที่ใช้เครื่องช่วยฟัง หลายคนมักจะพบกับปัญหาการใช้งานพร้อมกันระหว่างโทรศัพท์กับเครื่องช่วยฟังพร้อมกันได้ลำบาก บางครั้งพบปัญหาว่ารับโทรศัพท์แล้วไม่ค่อยได้ยินเสียง บางครั้งได้ยินเป็นหวีดน่ารำคาญหู บางคนก็ได้ยินเสียงไม่ชัดเจนซึ่งเป็นความลำบากของผู้ที่ต้องใช้ เครื่องช่วยฟัง ซึ่งหลายท่านที่พบปัญหาแบบนี้ก็มีมาบ่นหรือบางคนก็ตัดความรำคาญด้วยการไม่รับโทรศัพท์เลยก็มี ซึ่งในปัจจุบันโทรศัพท์มือถือก็มีโปรแกรมแชตสำหรับเอาไว้พิมพ์คุยกันได้ จึงเป็นอีกทางออกหนึ่งของคนที่มีปัญหาด้านการได้ยินแล้วต้องใช้เครื่องช่วยฟัง

แต่ถ้าเป็นคนสูงอายุใช้งานก็จะมีปัญหาเรื่องของการมองตัวหนังสือไม่ค่อยเห็นขึ้นมาอีก ปัญหาที่กล่าวมาข้างต้นเป็นปัญหาที่คนใช้เครื่องช่วยฟังเคยเจอเมื่อนานมาแล้ว แต่ในปัจจุบันโลกมีวิวัฒนาการมากขึ้น เทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้นความเจริญก้าวหน้าจึงนำมาเพื่อการปรับปรุงระบบของอุปกรณ์ให้ทันสมัยรองรับความต้องการอันหลากหลายของผู้ใช้งาน เพื่อให้ใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น การพัฒนาอุปกรณ์เครื่องช่วยฟังก็เช่นเดียวกัน จากที่เมื่อก่อนจะมีปัญหามากเมื่อต้องรับโทรศัพท์มาในปัจจุบันนี้ บริษัทที่ผลิตอุปกรณ์เครื่องช่วยฟังได้มีการปรับปรุงฟังชั่นให้เครื่องช่วยฟังสามารถใช้งานได้ควบคุมกับการคุยโทรศัพท์ไปด้วย

โดยในปัจจุบันคนที่ใช้เครื่องช่วยฟังส่วนใหญ่ไม่ได้พบปัญหาเสียงเบา เสียงไม่ชัดหรือได้ยินเสียงหวีดอีกแล้ว แต่หากใครท่านไหนที่ยังพบปัญหาอยู่ลองทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ดูนะคะ คุณจะสามารถใช้งานเครื่องช่วยฟังให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

  • ถ้าคุณใช้เครื่องช่วยฟังแบบสอดเข้าไปในรูหูแล้วละก็ เวลาที่คุณรับโทรศัพท์หรือต้องการที่จะโทรศัพท์ออกไปหาเพื่อนให้คุณเอาลำโพงออกห่างจากหูที่มีเครื่องช่วยฟังอุดอยู่ประมาณสัก 1-2 เซนติเมตร อยากเอาโทรศัพท์แนบกับหูจนเกินไป ถ้าทำแบบนี้แล้วยังเสียงเบาให้ลองปรับความดังของเสียงที่ตัวโทรศัพท์ดูนะคะ ค่อยๆปรับทีละนิดจะช่วยให้ได้ยินเสียงได้ชัดเจนขึ้นและไม่มีเสียงหวีดด้วยค่ะ
  • หากเครื่องช่วยฟังเป็นแบบคล้องใบหู ให้เอาโทรศัพท์มือถือตรงส่วนของลำโพงไปแนบไว้ใกล้ที่เกี่ยวหูด้านบน เพราะรูของไมโครโฟนของเครื่องช่วยฟังจะอยู่ตรงนั้น หากเอามาแนบตรงหูเลยจะทำให้ได้ยินเสียงไม่ชัดเจน และที่ทำสำคัญอย่างวางโทรศัพท์มือถือแนบใกล้กับรูหูฟังมากจนเกินไป ให้เว้นระยะห่างสัก 1-2 เซนติเมตร ก็จะช่วยให้ใช้งานโทรศัพท์ได้ชัดเจนขึ้น

การใช้เครื่องช่วยฟังกับโทรศัพท์นั้นหากใช้งานใหม่ๆอาจยังไม่คุ้นชิน ซึ่งอาจทำให้เกิดความรำคาญได้ แนะนำให้ลองใช้งานบ่อยๆจนเกิดความเคยชินแล้วหลังจากนี้ก็จะสามารถใช้งานทั้งสองอย่างคู่กันได้โดยไม่มีปัญหา