Category สุขภาพ

จุดด่างดำที่เกิดขึ้นบนใบหน้า สาเหตุหลักๆเกิดมาจากอะไร

 

จุดด่างดำบนใบหน้าสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุหลักๆ สามารถดูได้ดังนี้ดังนี้

1.การผิวขาวอ่อนและการเผยอุณหภูมิแสงแดด: ผิวที่มีความอ่อนไหวต่อแสงแดดจะทำให้มีการสร้างเมลานิน ซึ่งเป็นสารผลิตเมลานินที่มีการผลิตเกินไปอาจทำให้เกิดจุดด่างดำบนผิวได้ การใช้ครีมกันแดดหรือเสื้อผ้าที่ป้องกันแสงแดดอาจช่วยลดการเกิดจุดด่างดำได้

2.การแผล: การบาดเจ็บหรือแผลบนผิวหนังอาจทำให้เกิดจุดด่างดำเมื่อชะงักหายแล้ว เช่น รอยสิวหรือรอยด่างที่เกิดจากการบาดเจ็บ

3.การสูบบุหรี่: สารเคมีที่มีอยู่ในบุหรี่อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสีผิวได้ และเป็นส่วนหนึ่งในสาเหตุของการเกิดจุดด่างดำบนใบหน้า

4.การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน: การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนเช่นการตั้งครรภ์หรือการเข้าสู่วัยรุ่นอาจมีผลต่อการเกิดจุดด่างดำบนใบหน้า

5.โรคผิวหนัง: บางครั้ง โรคผิวหนังเช่นเมลานอมาแต่ก็อาจเป็นสาเหตุของการเกิดจุดด่างดำบนใบหน้าด้วย

หากคุณมี  Hoiana    ความกังวลเกี่ยวกับจุดด่างดำบนใบหน้า ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม

 

แนวทางการแก้ไข ให้กลับมามีใบหน้าที่สวยงาม

การแก้ไขจุดด่างดำบนใบหน้าเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามสามารถทำได้โดยใช้วิธีดังนี้

1.การใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับการดูแลผิว: เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบที่ช่วยในการลดจุดด่างดำ เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากวิตามินซีและออกไซด์ เช่น เซรั่มหรือครีมที่มีสารสกัดจากวิตามินซีและออกไซด์ เป็นต้น

2.การใช้ครีมกันแดด: ครีมกันแดดช่วยป้องกันการเผยแผ่อนุมูลอิสระและการเผยแผ่ของแสง UV ซึ่งสามารถช่วยลดการเกิดจุดด่างดำบนใบหน้าได้

3.การทำความสะอาดผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ: ทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อล้างสารสกัดและสิ่งสกปรกที่สามารถทำให้เกิดจุดด่างดำได้

4.การดื่มน้ำมากขึ้น: การดื่มน้ำมากขึ้นช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวหน้า ซึ่งอาจช่วยลดการเกิดจุดด่างดำได้

5.การใช้การรักษาเคมีเป็นเวลา: การใช้เทคนิคการรักษาเคมีเช่น เครื่องดอกผิว หรือเปล่าของที่ใช้เวลาทำการรักษาเพื่อช่วยลดจุดด่างดำบนผิวหน้า

6.การป้องกันอุบัติเหตุ: การป้องกันอุบัติเหตุหรือการสูบบุหรี่ซึ่งเป็นสาเหตุที่อาจทำให้เกิดจุดด่างดำบนใบหน้า โดยการลดหรือหยุดการสูบบุหรี่จะช่วยลดการเกิดจุดด่างดำได้

7.การปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง: หากมีปัญหาจากจุดด่างดำบนใบหน้าอย่างรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม

การรักษาจุดด่างดำบนใบหน้าอาจใช้เวลาและความตั้งใจในการดูแล และการดูแลผิวหน้าที่สม่ำเสมอจะช่วยให้คุณมีผิวหน้าที่สวยงามและสุขภาพดีขึ้นได้

โรคที่เกิดจากอากาศร้อน มีโรคอะไรบ้าง

อากาศร้อนสามารถทำให้เกิดโรคหลายประเภทได้ เช่น

1.อาการเป็นลมร้อน: เป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายได้รับอุณหภูมิสูงมาก เช่น ปวดศีรษะ ใจสั่น และมีเสียงดังในหัว

2.ลมไข้หวัด: สำหรับบางคน อากาศร้อนอาจเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดอาการไข้หวัด หรือเพิ่มความรุ่งเรืองให้กับเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่ส่งต่อโดยการระบาดผ่านอากาศ

3.อัมพาต: อากาศร้อนอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอัมพาตเนื่องจากการเกิดของความดันโลหิตสูง

4.ผื่นคัน: อากาศร้อนและชื้นอาจทำให้เกิดผื่นคันหรืออาการอักเสบของผิวพรรณ

5.ชำระ: อากาศร้อนทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำตัวมากขึ้น ทำให้เกิดอาการชำระและขาดน้ำในร่างกายได้ง่ายขึ้น

6.อักเสบระบบทางเดินหายใจ: อากาศร้อนและเปียกชื้นอาจสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเจริญของเชื้อโรคในทางเดินหายใจ เช่น ไวรัสหรือแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อชนิดต่าง ๆ ได้รวมถึงการติดเชื้อจากเชื้อราในอากาศชื้น

การป้องกันโรคที่เกิดจากอากาศร้อนสามารถทำได้โดยการดื่มน้ำมากพอควรเพื่อป้องกันการชำระและขาดน้ำ และหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในระหว่างเวลาที่อากาศร้อนมากที่สุดในวัน ควรสวมเสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ดีและใช้สายใส่หน้ากากอนามัยในที่ที่มีมลพิษในอากาศ

เครื่องช่วยฟังต้องใส่กี่ข้าง    โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ และรักษาระดับความชื้นในบ้านให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม. การปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติเพื่อรับการรักษาเพิ่มเติมก็เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันและรักษาโรคที่เกิดจากอากาศร้อนอย่างเหมาะสม

แนวทางการแก้ไข โรคที่เกิดจากอากาศร้อน  มีอะไรบ้าง

การแก้ไขโรคที่เกิดจากอากาศร้อนอาจแตกต่างกันไปตามลักษณะของโรคและอาการที่เกิดขึ้น ดังนั้น นี่คือแนวทางทั่วไปในการแก้ไขโรคที่เกิดจากอากาศร้อน

1.การดื่มน้ำเพียงพอ: การรักษาความชื้นในร่างกายโดยการดื่มน้ำมากพอควรเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันการชำระและขาดน้ำ ควรดื่มน้ำอย่างต่อเนื่องตลอดวัน และหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือกาแฟที่มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ

2.การใช้เสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ดี: เสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ดีจะช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายได้ ควรเลือกใส่เสื้อผ้าที่ทำจากวัสดุที่สามารถระบายความร้อนได้ดี เช่น ฝ้าย หรือผ้าลินิน

3.การใช้ครีมกันแดด: การป้องกันผิวหนังจากการโดนแสงแดดโดยการใช้ครีมกันแดดที่มีปริมาณ SPF สูงสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดการเผาผลาญที่เกิดจากแสงแดด

4.การระมัดระวังเรื่องอาหาร: ควรลดการบริโภคอาหารที่มีปริมาณไขมันสูงและอาหารที่หนาแน่นมาก เพราะอาหารประเภทนี้อาจทำให้ร่างกายรู้สึกร้อนมากขึ้น

5.การหายใจอากาศบริสุทธิ์: อย่าให้ตัวเองได้รับอากาศเสียหรือมลพิษจากโลหะหรือควันที่อาจทำให้เกิดอาการหัวใจสั่นหรือผื่นคัน ควรหลีกเลี่ยงการออกไปนอกในช่วงเวลาที่มลพิษในอากาศสูง และควรสวมหน้ากากอนามัยในที่ที่มีมลพิษในอากาศเพื่อป้องกันการสูดลมพิษเข้าไปในร่างกาย

6.การให้รักษาอาการ: หากมีอาการผิดปกติหรืออาการที่เกิดขึ้นเนื่องจากอากาศร้อน ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และหาที่ร่มรื่น เพื่อลดอุณหภูมิในร่างกายลงได้ หากมีอาการรุนแรงหรือเสี่ยงต่อชีวิต ควรรีบพบแพทย์ทันที

การปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าวจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคที่เกิดจากอากาศร้อนและช่วยให้ร่างกายสามารถทนทานต่อสภาวะอากาศร้อนได้ดีขึ้น

พลังของแบรนด์ความงามท้องถิ่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ภูมิทัศน์ความงามของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความหลากหลายมาก ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับพรีเมียมชั้นนำในสิงคโปร์ ไปจนถึงการแต่งหน้าราคาไม่แพงในประเทศไทย หรือแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่ผู้เชี่ยวชาญด้านฮิญาบที่ได้รับการรับรองฮาลาลในอินโดนีเซีย

แต่สิ่งหนึ่งที่ตลาดความงามเหล่านี้มีเหมือนกัน ยกเว้นความหลากหลายและความกังวลเกี่ยวกับสภาพอากาศที่ร้อนและมลภาวะ คือการเฟื่องฟูของแบรนด์ท้องถิ่น

Zap Beauty Index 2023 ระบุว่าผู้หญิงอินโดนีเซีย 96.8% ใช้แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวในท้องถิ่นในปี 2022 และ 19%

ใช้เฉพาะผลิตภัณฑ์ดูแลผิวในท้องถิ่นเท่านั้น การระบาดใหญ่อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากเริ่มสนับสนุนธุรกิจในท้องถิ่น แต่มีคำอธิบายอีกมากมายว่าทำไมแบรนด์ท้องถิ่นจึงประสบความสำเร็จอย่างมากในปัจจุบัน

ให้ความรู้แก่ผู้บริโภคและมุ่งเน้นไปที่ส่วนผสม/สารออกฤทธิ์ที่กำลังได้รับความนิยม บริษัทระดับชาติที่เข้มแข็งได้ถูกนำมาใช้และกำหนดทิศทางภูมิทัศน์ด้านความงาม เช่น Wardah ในอินโดนีเซีย Cathy Doll ในประเทศไทย หรือ Skin Inc ในสิงคโปร์ แต่ DNVB (Digital Native Vertical Brands)

ใหม่กำลังปูทางสู่ความสำเร็จในท้องถิ่น จุดแข็งอันดับหนึ่งของพวกเขา: ยึดถือสิ่งที่กำลังพูดถึงอย่างรวดเร็ว และแปลเป็นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่รวดเร็วเพื่อก้าวนำหน้าคู่แข่ง

ตั้งแต่ปี 2021 หนึ่งในเทรนด์ที่มาแรงที่สุดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความสำเร็จของแบรนด์ The Ordinary จากสหรัฐอเมริกาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เช่น เซรั่มหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสม “ร้อนแรง” ในเปอร์เซ็นต์สูง เช่น ไนอาซินาไมด์ เซราไมด์ หรือเรตินอล ทั้งหมดนี้รวมกับการสื่อสารบนโซเชียลมีเดียอันชาญฉลาดโดยอาศัยการศึกษาของผู้บริโภค ทำให้พวกเขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังของตนเอง และราคาที่ไม่แพงมาก

Brian Lazuardi ซีอีโอของ Azarine หนึ่งในแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่กำลังจะเปิดตัวในตลาดอินโดนีเซีย แสดงความคิดเห็นเป็นตัวอย่าง: “ปี 2022 เป็นปีแห่ง Ceramide ในฐานะส่วนผสมหลักในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว โดยมีผลิตภัณฑ์เดียวที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม” ความสำเร็จนี้ตามมาด้วยแบรนด์ท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง

ซึ่งพยายามจับคู่ข้อเสนอนั้นด้วย “ข้อดี” เช่น เปอร์เซ็นต์ส่วนผสมดังกล่าวที่สูงขึ้น ตัวอย่างเช่น หนึ่งในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ขายดีที่สุดในอินโดนีเซีย Skintific 5x Ceramide Barrier Repair Moisture Gel Moisturizer มียอดขายมากกว่า 1 ล้านชิ้น (มิถุนายน 2565)

และกระตุ้นให้เกิดความกระตือรือร้นอย่างมากเกี่ยวกับ Ceramide และการดูแลอุปสรรค กระตุ้นให้แบรนด์ท้องถิ่นเปิดตัว ในเวอร์ชั่นของตัวเองอย่าง Scarlett Whitening 7x Ceramide Moisturizer

มุ่งเน้นไปที่นวัตกรรมชั้นยอดและประสิทธิภาพที่ได้รับการพิสูจน์แล้วสำหรับแบรนด์ระดับพรีเมียม

บางคนอาจมองว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตลาดเครื่องสำอางราคาไม่แพงเป็นหลัก และผู้บริโภคจำนวนมากกำลังมองหาโปรโมชั่นและส่วนลดออนไลน์เป็นปัจจัยหลักในการซื้อผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้มีความเกี่ยวข้องเป็นพิเศษกับผลิตภัณฑ์ดูแลผิว แบรนด์ที่เน้นไปที่นวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ ควบคู่ไปกับประสิทธิภาพที่พิสูจน์แล้ว

กับผู้บริโภคผ่านการศึกษาทางคลินิกและการสนับสนุนจากอินฟลูเอนเซอร์ มีความเกี่ยวข้องมากขึ้น โดยเฉพาะกับผู้บริโภคที่มีฐานะดีที่มีการศึกษา Julius Lim ซีอีโอของ B&B Labs แบรนด์มาเลเซียอธิบายในงาน in-cosmetics Asia ในกรุงเทพฯ ว่าการมุ่งเน้นไปที่ “ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอัจฉริยะ” เช่น แผ่นมาส์กที่เชื่อมต่อกัน ทำให้แบรนด์มีความโดดเด่นและมีความเกี่ยวข้องกับตลาดมาเลเซียอย่างไร

Her Hyness แบรนด์ไทยสร้างความโดดเด่นจากตลาดไทยที่มีผู้คนพลุกพล่านด้วย Hydra Glow Advanced Skin Booster Cream ใหม่ พร้อมคำวิเศษอย่าง “ไฮดราโกลว์” ส่วนผสมของความชุ่มชื้นที่สมบูรณ์แบบและผิวในอุดมคติ การเปิดตัวครั้งก่อน Bio-Peptide Advanced Youth + Glow มีแนวโน้มว่าจะได้ผล “เหมือนโบท็อกซ์และฟิลเลอร์”

ตามธรรมชาติ ต้องขอบคุณ Peptide Drone Delivery และ Growth Factor Complex ด้วยการผสมผสานแนวคิดเรื่องความงามแบบเทคโนโลยีสีเขียวเข้ากับผลลัพธ์ที่เหมือนการผ่าตัดและผลลัพธ์ผิวที่คาดหวังไว้ Her Hyness กำลังผลักดันหมวดความงามระดับพรีเมี่ยมในท้องถิ่นให้อยู่ในระดับเดียวกับแบรนด์ยอดนิยมจากเกาหลีหรือญี่ปุ่น

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ

เปิดผลเสียจากการที่เราทานหวานมากเกินไป

อาหารรสหวาน เป็นหนึ่งในรสชาติที่หลาย ๆ คนนั้นชื่นชอบกันเป็นอย่างมาก เพราะเป็นรสที่สามารถทานได้ง่าย และมีอาหารมากมายหลากหลายประเภทมาก ๆ แต่รู้หรือไม่ว่า ถึงแม้ว่าอาหารรสชหวาน จะเป็นรสชาติที่หลาย ๆ คนอาจจะคุ้นเคยกันอยู่แล้ว แต่หากเราทานมากเกินไป นอกจากจะทำให้น้ำหนักของเราเพิ่มขึ้นแล้ว

ยังอาจก่อให้เกิดสิวได้ง่าย ทำให้ร่างกายของเราได้รับผลกระทบอย่างนักได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานนั่นเอง

เพราะโรคนี้เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการที่เราทานปริมาณน้ำตาลที่เยอะเป็นประจำ เนื่องจากนำตาลส่วนใหญ่อาจจะซ่อนหรือแอบแฝงอยู่ภายในขนม ของว่าง หรือแม้แต่อาหารต่าง ๆ มากมายที่เราชอบทานนั่นเอง ฉะนั้น ยิ่งถ้าเราทานมาก ๆ ก็จะยิ่งเป็นการทำร้ายสุขภาพร่างกายของตนเอง

จนก่อให้เกิดความร้ายแรงขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้ ชื่นชอบอาหารรสชาติหวานกันมาก ๆ แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็ควรที่จะคำนึงถึงผลกระทบ

หรือควรคำนึงถึงสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดี เพราะการมีสุขภาพร่างกายที่ดีจากภายในสู่ภายนอก เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่  เครื่องช่วยฟัง   เราไม่ควรมองข้าม ดังนั้น สำหรับใครที่ชอบทานหวานมาก ๆ วันนี้เราก็พาทุกคนไปดูกันว่า ผลเสียที่ร่างกายของเราจะได้รับจากการทานหวานมากเกินไปนั้น จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย

1.การเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ

โรคหัวใจ เป็นหนึ่งในโรคที่มีความอันตรายเป็นอย่างมาก โดยโรคนี้อาจเกิดขึ้นได้จากการที่เราทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงมากเกินไป เพราะยิ่งเราทานหวานมาก ๆ เราก็จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วน และเสี่ยงต่ออาการอักเสบต่าง ๆ ได้ง่าย และที่สำคัญ จะยิ่งทำให้ร่างกายของเรานั้น มีปริมาณน้ำตาลสูงจนอาจทำให้ไขมันเกิดการอุดตันในเส้นเลือดนั่นเอง 

2.การเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง

เป็นหนึ่งในโรคที่หลาย ๆ คนเกรงกลัวกันเป็นอย่างมาก ซึ่งรู้หรือไม่ว่าโรคมะเร็งมีสาเหตุมากจากการที่เราทานหวานมากเกินไป เพราะอาหารรสหวานที่เรารับประทานเข้าไปนั้น ส่วนใหญ่มีอุดมไปด้วยน้ำตาลที่ค่อนข้างสูง จึงอาจนำพาเราเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งได้ นอกจากนี้ยังอาจทำให้ร่างกายของเรานั้นเกิดภาวะดื้ออินซูลิน จนอาจเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งได้อีกด้วย 

3.อาจทำให้เราแก่เร็วมากขึ้น

หลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า การทานหวานมากเกินไป อาจจะทำให้ร่างกายของเรานั้นเร่งกระบวนการความชราของผิวเราได้ ทำให้เราดูเป็นคนที่มีอายุมากขึ้น เนื่องจากอาหารรสชาติหวานจะคอยทำลายผิวของเราให้เหี่ยวย่นได้ง่าย ผิวดูไม่มีชีวิตชีวา รวมไปถึงอาจทำให้เรามีริ้วรอยได้ง่ายมากขึ้นอีกด้วย 

ผู้ที่ต้องการทำ if คือกลุ่มไหนบ้าง

การทำ if ถือได้ว่าเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของคนเรามากมาย เพราะว่ามันเป็นการแบ่งช่วงในการทานและส่งผลทำให้ร่างกายของคุณแข็งแรงขึ้น รูปร่างดีขึ้น ดังนั้นคนทั่วไปส่วนใหญ่นำวิธีนี้มาใช้ในการปฏิบัติ ต่อการใช้ชีวิตของตนเอง และนอกจากนั้นยังมีคุณหมอหลายท่านออกมา แนะนำว่าการทำ if ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อทุกๆคน ซึ่งจึงทำให้ทุกคนหันมาดูแลรูปร่างตัวเองกันมากขึ้นด้วย

 แต่การทำ if นี้ไม่ได้มาจากการที่คุณจะเริ่มลดหุ่นเท่านั้น ยังมีผู้ที่จำเป็นต้องทำ if ประกอบกับการใช้ชีวิตประจำวัน นอกจากการลดหุ่นด้วยเรามาดูกันดีกว่าว่ามีกลุ่มไหนบ้าง ที่จะควรทำ if ประกอบการใช้ชีวิตประจำวัน หรือคุณจะเป็นกลุ่มคนเหล่านั้น ควรหันมาทำ if บ้างแล้ว สามารถเช็คได้ดังนี้

กลุ่มคนที่เหมาะกับการทำifได้แก่

 1.กลุ่มผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักแบบเร่งด่วน

แน่นอนว่าสำหรับบุคคลที่มีน้ำหนักมากเกินไปหรือบุคคลที่ต้องการลดน้ำหนักเพื่อจะไปงานแบบเร่งด่วนควรที่จะเข้ากลุ่มที่จะทำ ifนี้ เพราะการทำ if สามารถช่วยเร่งให้คุณลดน้ำหนักแบบเร่งด่วนได้ด้วยดังนั้นถ้าคุณอยู่กลุ่มนี้คือบุคคลที่เริ่มรักตัวเองขึ้นมาแล้วแหละ

 2.กลุ่มที่ใช้แรงงานตัวเองในแต่ละวันมากเกินไป

สำหรับกลุ่มนี้เรียกได้ว่าผู้ที่ทำงานหนักทำงานมากเกินไปโดยวันวันไม่สามารถที่จะมีการลุกขึ้นมาออกกำลังกายหรือหาอะไรทานที่เป็นประโยชน์แก่ตัวของท่านเองได้ดังนั้นคุณควรที่จะทำif เพื่อที่จะทำร่างกายของคุณนั้นให้มาอยู่ในการปกติอย่างมีสุขภาพที่ดีได้

 3.กลุ่มคนที่ขาดสารอาหารหรือมีโรคประจำตัว

สำหรับกลุ่มคนเหล่านี้ควรทานอาหารให้เป็นประโยชน์ควรดูแลร่างกายให้มากที่สุดหรือมากกว่าบุคคลที่เป็นปกติเพราะว่าสารอาหารสำคัญต่อร่างกายมากและการดูแลควบคู่ไปด้วยจึงถือได้ว่า เป็นเรื่องที่สำคัญขึ้นไปอีก อย่างน้อยการดูแลตัวเองหรือการทำ if ก็เป็นการที่ทำให้คุณนั้นมีสุขภาพแข็งแรงหายจากโรคต่างๆได้ง่าย

 4.กลุ่มหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

แน่นอนว่าเมื่อคุณพร้อมคุณจำเป็นที่จะต้องทานอาหารให้เป็นประโยชน์และถูกสุขลักษณะดังนั้นการทานเลือกทานและควรทานให้เป็นเวลาจึงเป็นเรื่องที่สำคัญต่อคุณและลูกพอเด็กที่อยู่ในร่างกายของคุณต้องการสารอาหารต้องการอย่างสม่ำเสมอแต่ถ้าคุณไม่ทำ if ประกอบในการให้นมบุตรหรือการตั้งครรภ์ของคุณแล้วอาจจะทำให้คุณอ้วนเกินไปและเมื่อคลอดเสร็จอาจจะไม่ทำให้คุณกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมก็ได้นะ

เรามักทราบกันดีว่าคุณแม่ตั้งครรภ์หรือคุณแม่เพิ่งคลอดมีการอ้วนมากเป็นพิเศษเนื่องจากน้ำหนักเด็กที่ออกไปไม่ได้ทำให้คุณแม่ผอมลงไปตามน้ำหนักของเด็กดังนั้นการกินหรือการทานอะไรเป็นเรื่องที่ต้องควบคุมอย่างหนักเพราะอาจจะส่งผลทำให้คุณอ้วนเกินไปเช่นกัน

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ถ่านเครื่องช่วยฟัง

กำจัดหนูในบ้าน ฮวงจุ้ยห้องน้ำ และดูแลต้นไม้ให้ห่างโรค

การดูแลบ้านหนึ่งในปัญหากวนใจ ก็คือสัตว์ที่ไม่ได้รับเชิญ อย่างหนูที่มักเข้ามาแอบอาศัยในบ้าน และสร้างปัญหากวนใจ

ดังนั้น วันนี้ก็เลยมีสองวิธีที่ช่วยให้หนูไม่มากวนใจ โดยปิดทางเข้า-ออกของหนู ทดลองตรวจมองตามซอกทึบ อับต่าง ๆ ในบ้าน หากพบลักษณะเป็นรูเป็นช่องที่หนูนั้น เอาไว้เดินทางเข้าออกบ้านของพวกเราได้ ถ้าหากเจอแล้วให้กระทำการปิดตายไปเลย หนูจะไม่สามารถเข้ามาได้อีก

อีกทั้งควรกำจัดแหล่งของกิน อีกจุดหนึ่งที่จะต้องพินิจเลยก็คือจุดที่เป็นแหล่งของกินของเจ้าหนูเหล่านี้ ส่วนมากจะเป็นรอบ ๆ ถัง

สำหรับใส่ขยะ เพราะว่าถังสำหรับใส่ขยะเป็นแหล่งของกินชั้นยอดของเจ้าหนูเหล่านี้อย่างยิ่งจริง ๆ กำจัดไปและก็หมั่นทำให้สะอาดอยู่เสมอก็จะก่อให้ไม่มีแหล่งของกินของพวกมันอีก เพียงนี้มันก็ไม่ได้อยากมาบ้านของคุณอีกแล้วล่ะ

สำหรับหลาย ๆ บ้าน ที่กำลังวางแปลนสร้างบ้าน ห้องน้ำก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะห้องอาบน้ำเป็นแหล่งที่อยู่ของเชื้อโรคชั้นเยี่ยม

เพราะว่า  ฮอยอาน่า    นอกเหนือจากจะเป็นที่ชำระล้างสิ่งสกปรกแล้ว ยังเป็นที่ถ่ายของเสียออกมาจากร่างกาย จะต้องหมั่นชำระล้างอยู่เป็นประจำ เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งหมักหมมของเหล่าเชื้อโรคที่บางทีอาจเป็นที่ต้นเหตุหนึ่งของลักษณะของการเจ็บป่วยไข้ของสมาชิกในบ้าน

รู้หรือไม่ ห้ามมีห้องอาบน้ำเกินปริมาณของสมาชิกในบ้าน คนจำนวนไม่น้อยคงจะเคยรับรู้หลักความเลื่อมใสนี้มาบ้าง แม้กระนั้นที่จริงแล้วที่ไม่สมควรมีสุขาในบ้านเกินปริมาณของสมาชิกในบ้าน ก็เพราะเหตุว่า สุขาที่ไร้คนใช้งานนาน ๆ นำมา

ซึ่งการทำให้น้ำที่หล่อเลี้ยงอยู่ในชักโครกมิได้รับการหมุนเวียน แปลงเป็นแหล่งสะสมสิ่งไม่พึ่งมุ่งหวังต่าง ๆ เป็นต้นว่า เชื้อโรค กลิ่นเหม็น ฯลฯ รวมทั้งสิ่งไม่พึงหวังพวกนี้ล่ะจะหมุนเวียนกลับเข้าบ้านของพวกเรานั่นเอง อีกทั้งเป็นความเชื่อถือตามหลักฮวงจุ้ยของคนรุ่นก่อน 

สำหรับบ้านที่มีการปลูกต้นไม้ โรคที่พบได้ทั่วไปในต้นไม้ที่ปลูกลงในบ้านก็มีมูลเหตุสำคัญ ๆ มาจากเชื้อราและก็ความชุ่มชื้นนั่นเอง ด้วยเหตุดังกล่าวพวกเราลองมองแนวทางดูแลพื้นฐานเพื่อหลบหลีกโรคพวกนี้กัน ว่าจะมีแนวทางยังไงกันบ้าง เช่น ย้ายต้นไม้ออกมารับลมแล้วก็แดดด้านนอกบ้าง

แต่ว่าต้องระมัดระวังอย่างให้โดนแดดที่แรง ตัดส่วนที่ออกอาการว่าติดเชื้อโรคออก ดังเช่นว่า ใบ กิ่ง ราก ลำต้น แล้วค่อยนำไปเผาทิ้งหรือผึ่งแดดแรง ๆ เพื่อมั่นใจว่าเชื้อจะไม่กลับมาอีก แปลงสิ่งของที่ใช้ปลูกใหม่ เลือกที่มีการระบายน้ำได้ดิบได้ดี ต้นที่มีลักษณะร้ายแรงมากมาย ฉีดพ่นด้วยสารยาปฏิชีวนะ ดังเช่นว่า สเตรปโตมัยซิน (Streptomycin) ทุกอาทิตย์กระทั่งต้นจะแข็งแรงแตกใบใหม่

3 ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในวัยเลข 3

เมื่อร่างกายของเราเริ่มเข้าสู่ช่วงอายุที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะวัยเลข 3 ซึ่งถือเป็นช่วงเริ่มเข้าสู่ทอง อาจจะทำให้หลาย ๆ คนนั้นเริ่มที่โตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น รวมไปถึงอาจมีการเจริญเติบโตที่เพิ่มมากขึ้น และมีการเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่างเกิดขึ้นได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพร่างกายต่าง ๆ นั่นเอง

ซึ่งช่วงวัยนี้มักที่จะมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพร่างกายเกิดขึ้นได้บ่อยมาก ๆ จึงจำเป็นอย่างยิ่งเราจะต้องดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดีอยู่เสมอ

ไม่ว่าจะเป็นทั้ง การเคลื่อนไหวร่ากงายด้วยการออกกำลังกาย การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมไปถึงการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอนั่นเอง เพื่อเป็นการสร้างสุขภาพร่างกายที่ดีให้แก่ตนเอง ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะมีพฤติกรรมการทำร้ายสุขภาพร่างกายของตนเอง

แต่เมื่อเราอายุเริ่มมากขึ้น เราก็ควรที่จะหันมาให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกายของตนเอง ฉะนั้น สำหรับใครที่เริ่มเข้าสู่วัยเลข 3

และเป็นห่วงสุขภาพร่างกายของตนเองว่าจะได้รับความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาต่าง ๆ อะไรบ้าง วันนี้เราก็จะพาทุกคนไปดูกันว่า ปัญหาสุขภาพที่วัยเลข 3 กังวลว่าจะเกิดขึ้นนั้น จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย 

โรคกระดูกพรุน แน่นอนว่า ช่วงวัยนี้ถือเป็นช่วงวัยที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุนสูงมาก

เพราะเมื่อเราเริ่มอายุมากขึ้น ร่างกายขาดการออกกำลังกาย แถมยังไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกาย ก็จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงได้ง่าย ทั้งยังเป็นหนึ่งในโรคที่วัยเลข 3 ควรที่จะระมัดระวังกันให้ดีอีกด้วย เพราะหากได้เกิดขึ้นแล้วอาจจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของเราได้ 

โรคความดันโลหิต แน่นอนว่าโรคนี้เป็นโรคที่พบเจอได้บ่อยมาก ๆ ในวัยเลข 3 เพราะบางคนใช้ชีวิตด้วยความเคร่งเครียด และความกดดัน จึงอาจส่งผลกระทบต่อการไหวเวียนเลือดภายในร่างกาย และเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตที่สูงมากขึ้นได้ ฉะนั้น การที่เราไม่เครียด และคอยจัดการกับความวิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา อาจจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ได้ 

โรคอ้วน เป็นหนึ่งในโรคที่พบเอจได้บ่อยมาก ๆ ซึ่งโรคนี้อาจเกิดขึ้นได้หลากหลายสาเหตุที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นทั้ง ขาดการออกกำลังกาย ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ รวมไปถึง การทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ซึ่งส่วนใหญ่มักที่จะเกิดขึ้นกับวัยทอง หรือวัยเลข 3 ที่มักจะมีความกังวลเกี่ยวกับการใช้ชีวิต และส่วนใหญ่มักที่จะไม่ค่อยเคลื่อไหวร่างกาย จนอาจทำให้ไขมันเกิดการสะสม จนเกิดเป็นโรคอ้วนได้นั่นเอง

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังตัดเสียงรบกวน

โรคอ้วน ที่คนส่วนใหญ่เป็น และแนวทางการแก้ไข

โรคอ้วน (Obesity) เป็นสภาวะที่มีการสะสมของไขมันในร่างกายเกินมาก ซึ่งส่วนมากเกิดจากการบริโภคพลังงานมากเกินไปและการใช้พลังงานน้อยเกินไป ซึ่งส่งผลให้มีการเกิดภาวะที่น้ำหนักมากกว่ามาตรฐานที่ถูกต้องสำหรับส่วนสูงของร่างกาย (Body Mass Index or BMI)

 

ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคอ้วนได้แก่

1.การบริโภคพลังงานมากเกินไป: การกินอาหารที่มีพลังงานมากเกินไปส่งผลให้มีการสะสมไขมันในร่างกาย

2.การนั่งนอนและไม่เคลื่อนไหว: การนั่งทำงานนานหรือไม่มีกิจกรรมทางกายเพียงพอสามารถเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดโรคอ้วน

3.พันธุกรรม: สายพันธุ์ที่มีความชุกชุมสูงในเรื่องของการสะสมไขมันอาจมีโอกาสเป็นโรคอ้วนมากขึ้น

4.สภาพจิต: ความเครียดและภาวะซึมเศร้าอาจมีผลให้คนมีนิสัยการกินที่มากขึ้น

5.สภาพแวดล้อม: ตัวเมืองที่ไม่มีพื้นที่สำหรับการออกกำลังกายหรือการเข้าถึงอาหารที่ไม่สมบูรณ์อาจมีส่วนในการเพิ่มความเสี่ยงของโรคอ้วน

 

โรคอ้วนสามารถทำให้เกิดภาวะสุขภาพที่แย่เช่น โรคหัวใจ, เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, และมะเร็งบางประการได้ ดังนั้นการรักษาและป้องกันโรคอ้วนมีความสำคัญ เช่น การดูแลสุขภาพโดยการออกกำลังกาย, การควบคุมอาหาร, และการตรวจสุขภาพประจำ หากคุณหรือใครบางคนมีปัญหาเกี่ยวกับน้ำหนักหรือโรคอ้วน, ควรพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางโรคภัยได้เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม

 

แนวทางการแก้ไข

การแก้ไขปัญหาโรคอ้วนมีหลายแนวทางและต้องการความพยาบาลในด้านการกิน, การออกกำลังกาย, และพฤติกรรมทั่วไป นี่คือแนวทางบางประการที่สามารถช่วยในการแก้ไขปัญหาโรคอ้วน

 

1.ควบคุมการบริโภคพลังงาน

-ปรับเปลี่ยนการกิน: เลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและลดปริมาณอาหารที่มีแคลอรีสูง

-การควบคุมส่วนสูง: เรียนรู้วิธีคำนวณและควบคุมส่วนสูงของอาหารเพื่อลดการบริโภคพลังงาน.

2.การออกกำลังกาย

-เริ่มต้นทำกิจกรรมทางกาย: เพิ่มการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน, เช่น เดินขึ้นบันได, การเดินทางด้วยการใช้จักรยาน, หรือการวิ่ง

-ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: ทำกิจกรรมทางกายอย่างสม่ำเสมอ, อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์, เพื่อรักษาน้ำหนักและสุขภาพทั่วไป

3.เปลี่ยนพฤติกรรม

-ติดตามและบันทึกกิจกรรมทางกายและการกิน: การเฝ้าระวังพฤติกรรมการกินและการเคลื่อนไหวช่วยให้คุณรับรู้และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้

-ตั้งเป้าหมาย: กำหนดเป้าหมายที่เป็นไปได้และมีระยะเวลา, เพื่อให้คุณมีแรงจูงใจในการดำเนินการ

4.การรับคำปรึกษาและสนับสนุน

-ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทางโรคภัย: พบแพทย์, พยาบาล, หรือผู้เชี่ยวชาญทางโรคภัยเพื่อรับคำแนะนำทางการแพทย์

-รับการสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อน: การมีระบบสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อนช่วยให้คุณรู้สึกไม่เดี่ยวดายในการแก้ไขปัญหานี้

 

การแก้ไขโรคอ้วนเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความพยาบาล ควรระมัดระวังและทำการแก้ไขอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาน้ำหนักที่เหมาะสมและสุขภาพที่ดี. แนะนำให้หาคำปรึกษาจากทีมทางการแพทย์และผู้เชี่ยวชาญทางโรคภัยเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมสำหรับสุขภาพของคุณ

 

สนับสนุนโดย    hoiana เวียดนาม

จะเกิดอะไรขึ้นหากเราไม่ทานอาหารเช้า

เนื่องจากมื้อแรกของวัน หรือมื้อเช้า เป็นหนึ่งในมื้ออาหารที่มีความสำคัญต่อสุขภาพร่างกายและการดำเนินชีวิตของเราเป็นอย่างมาก

เพราะอาหารเช้าจะสามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของร่างกาย ระบบประสาทและสมองของเราให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่นอีกด้วย จึงทำให้ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเราไม่ควรที่จะหลีกเลี่ยงมื้อเช้า แต่ถึงอย่างไรก็ตามหลายหลายคนก็มักที่จะปล่อยละเลยและมองข้ามอาหารเช้ากันอยู่เสมอ

เพราะคนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตกันด้วยความเร่งรีบ จึงมักที่จะหลีกเลี่ยงการทานอาหารเช้ากันอยู่เสมอ ซึ่งขอบอกเลยว่าการที่เราหลีกเลี่ยงการทานอาหารเช้าเป็นประจำ นอกจากจะทำให้เราเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่างๆง่ายง่ายแล้ว ยังอาจทำให้ร่างกายของเราได้รับผลกระทบต่างๆมากมายอีกด้วย

ดังนั้น สำหรับใครที่ไม่ชอบทานอาหารเช้า วันนี้เราจะพาไปดูกันว่า หากเราหลีกเลี่ยงอาหารเช้าจะเกิดอะไรขึ้น และมีความอันตรายอย่างไรบ้างไปดูกันเลย

  • เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ

รู้หรือไม่ว่า การที่เราหลีกเลี่ยงการทานอาหารเช้าหรือใครก็ตามที่ไม่ชอบทานอาหารเช้าเป็นประจำเป็นเวลานาน นอกจากจะทำให้ร่างกายได้รับผลกระทบอย่างหนักแล้ว ยังอาจทำให้เรานั้นมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ ตัวไปจนถึงโรคเส้นเลือดในสมองอีกด้วย

เพราะในตอนเช้าเช้านั้นเลือดของเราจะมีความข้นมากๆ หากไม่มีสารอาหารเข้าไปเจือปน ก็จะทำให้เลือดไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆหรือสมองได้ไม่เพียงพอ จึงอาจทำให้เรานั้นเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายอย่างโรคหัวใจอุดตันได้นั่นเอง

  • เสี่ยงต่อการมีฮอร์โมนที่ผิดปกติ

นอกจากการไม่ทานอาหารเช้าแล้วจะทำให้เราเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานได้ง่าย รู้หรือไม่ว่ายังทำให้เรานั้นเสี่ยงต่อการมีฮอร์โมนที่ทำงานอย่างผิดปกติ ฉะนั้นแล้ว เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงโรคร้ายหรือช่วยกระตุ้นการทำงานของฮอร์โมนให้เป็นปกติ

การทานอาหารเช้าจึงเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม ยิ่งถ้าใครอยากมีร่างกายที่แข็งแรงและสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งไม่ควรที่จะหลีกเลี่ยงการทานอาหารเช้า

  • เสี่ยงต่อร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ

หลายคนอาจไม่รู้ว่าการที่เราไม่ทานอาหารเช้าเลยจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารได้ไม่เพียงพอจนเสี่ยงต่อการเป็นโรคขาดสารอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็ก เพราะร่างกายของเด็กกับผู้ใหญ่นั้นจะค่อนข้างแตกต่างกันออกไป หากในมื้อเช้าหรือมื้อแรกของวันได้รับสารอาหารที่เพียงพอ แต่ยิ่งเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคขาดสารอาหารนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังเล็กจิ๋ว

เคล็ดไม่ลับการดูแลสุขภาพจิต

 

การดูแลสุขภาพจิต เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่หลาย ๆ คนไม่ควรจะมองข้ามไปอย่างเด็ดขาด เพราะการดูแลสุขภาพจิตของตนเองให้ดีอยู่เสมอ ก็มีความสำคัญพอ ๆ กับการดูแลสุขภาพร่างกาย เพราะเราเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้มักที่จะพบเจอและเจอกับความกดดันต่าง ๆ มากมาย

ในการใช้ชีวิต อีกทั้งยังมีการระบาดของเชื้อโรคต่าง ๆ ที่อาจทำให้หลายคนเกิดความกังวลใจอีกด้วย

ฉะนั้น ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนแต่อาจส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อสุขภาพจิตของเราได้ทั้งนั้น หรืออาจทำให้บางคนได้รับความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าได้อีกด้วย

ดังนั้น การดูแลสุขภาพร่างกาย หรือการดูแลสุขภาพจิตของตนเองให้ดีอยู่เสมอ จึงมีความสำคัญต่อการใช้ชีวิตของคนเราเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นการช่วยลดปัญหาโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาทได้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่กำลังเครียด ๆ หรือกำลังมีความกังวลใจ วันนี้เราก็จะมาแนะนำเคล็ดลับง่าย ๆ ในการดูแลสุขภาพจิตให้มีความสดใส และแข็งแรง ซึ่งก็เป้นวิธีง่าย ๆ จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย 

การใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ รู้หรือไม่ว่า การที่เราได้ใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ นอกจากจะทำให้จิตใจของเรารู้สึกสงบสุขแล้ว ยังเป็นหนึ่งในตัวช่วยดี ๆ ที่จะทำให้เรานั้นหายกังวล หายเครียด และส่งผลให้สุขภาพจิตของเรานั้นแข็งแรงได้ เพราะธรรมชาติจะทำให้เราสามารถเพิ่มอารมณ์เชิงบวกได้ ทำให้เราสามารถบรรเทาจากความเครียดที่เรามีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รับรองได้เลยว่า นอกจากจะทำให้เราได้อยู่กับอากาศที่บริสุทธิ์ ยังเป็นการสร้างสุขภาพจิตที่ดีให้กับตนเองอีกด้วย

การลองเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ การที่เราได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ ได้ออกไปเปิดปรสบการณ์ดี ๆ ที่เราไม่เคยได้ทำมาก่อน อาจจะช่วยเยียวยาสุขภาพจิตของเราให้ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับใครที่ทำวานหนักจนก่อให้เกิดความเครียด และความกดดัน ฉะนั้น การที่เราลองปรับเปลี่ยนการทำงาน ลองทำอะไรใหม่ ๆ อะไรที่เราไม่เคยทำอาจเป็นการท้าทายตนเอง แต่ขอบอกเลยว่าวิธรี้จะช่วยให้เราสนุกไปกับงานจนลืมความเครียดไปเลย

การขอบคุณสิ่งต่าง ๆ รอบตัว รู้หรือไม่ว่าการที่เรารู้จักขอบคุณกับสิ่งต่าง ๆ ที่เราได้รับ หรือได้ทำ จะดูทำให้เราเป็นคนที่มีจิตใจดี ซึ่งอาจจะทำให้เรามีความสุขผ่านทางสุขภาพจิตของเราได้ ทำให้เราดูเป็นคนที่จิตใจดี รับรองได้เลยว่าเพียงแค่นี้ก็เป็นการรักษาสุขภาพจิตของเราให้ดี และทำให้เรานั้นสามารถมีความสุขกับการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้นอีกด้วย  

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ